ลอนดอน, 17 ก.พ. (ซินหัว) -- เมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ประกาศพร้อมส่งทหารสหราชอาณาจักรไปประจำการในยูเครนหากจำเป็น เพื่อร่วมมีบทบาทนำในการป้องกันและรักษาความมั่นคงของยูเครน และจะจัดสรรเงินสนับสนุนปีละ 3 พันล้านปอนด์ (ราว 1.27 แสนล้านบาท) จนถึงปี 2030

นับเป็นครั้งแรกที่สตาร์เมอร์กล่าวอย่างชัดเจนว่าเขากำลังพิจารณาส่งกองกำลังรักษาสันติภาพของสหราชอาณาจักรไปยังยูเครน หลังจากเคยออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าสหราชอาณาจักรพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในข้อตกลงด้านสันติภาพที่มีการเจรจา โดยเขามองว่ายุโรปกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในด้านความมั่นคง สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอนาคตของยูเครน แต่เป็นเรื่องของการดำรงอยู่ของยุโรปโดยรวม

มีการคาดการณ์ว่าสตาร์เมอร์จะเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินประเด็นสงครามยูเครนในกรุงปารีส ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ร่วมกับเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มาร์ก รุตเต เลขาธิการนาโต (NATO) จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี และผู้นำยุโรปคนอื่นๆ

ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนซึ่งดำเนินมานานเกือบสามปีจะเริ่มขึ้นทันที หลังจากที่เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สร้างความกังวลให้ยุโรปว่าอาจถูกกีดกันออกจากกระบวนการเจรจาเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน

ความกังวลนี้ยิ่งทวีความรุนแรงจากคำกล่าวของคีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษประจำยูเครนของทรัมป์ ซึ่งประกาศเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ว่ายุโรปจะไม่มีสิทธิ์ร่วมโต๊ะเจรจาประเด็นสันติภาพในยูเครน

ทั้งนี้ สื่อของสหราชอาณาจักรคาดว่าสตาร์เมอร์จะเดินทางเข้าพบปะกับทรัมป์ ณ กรุงวอชิงตัน ก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้