(ภาพจากหอรำลึกเหยื่อเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิงโดยผู้รุกรานชาวญี่ปุ่น : อี้หลานอิง ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง เสียชีวิตด้วยวัย 99 ปี)
หนานจิง, 17 ก.พ. (ซินหัว) -- เมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) หอรำลึกเหยื่อเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิงโดยผู้รุกรานชาวญี่ปุ่น รายงานการสูญเสียผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง จำนวน 2 ราย ในวันเสาร์ (15 ก.พ.) ส่งผลให้จำนวนผู้รอดชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่เหลือเพียง 28 คน
"อี้หลานอิง" ผู้เสียชีวิตด้วยวัย 99 ปี เคยถูกทหารญี่ปุ่นต่อยจนฟักหน้าหักระหว่างเหตุการณ์สังหารหมู่ รวมถึงเป็นพยานในเหตุการณ์ทหารญี่ปุ่นแทงชายหนุ่มที่กำลังรับประทานอาหารเช้าด้วยดาบปลายปืนจนเสียชีวิต และเหตุการณ์กลุ่มทหารญี่ปุ่นบุกค้นบ้านและลักพาตัวชายหนุ่มกว่า 70 ราย
ประสบการณ์สุดเลวร้ายเหล่านี้ทำให้อี้หลานอิงหวาดกลัวอย่างมากจนนำสู่อาการป่วยภาวะตื่นตระหนก (panic attack) อาการใจสั่นเต้นผิดจังหวะ และอาการเสียงดังในหู โดยตลอดช่วงชีวิต อี้หลานอิงหวังว่าคนรุ่นหลังจะไม่ลืมชีวิตบริสุทธิ์ที่สูญเสียไปในเหตุการณ์สังหารหมู่
"เถาเฉิงอี้" ผู้เสียชีวิตด้วยวัย 89 ปี ต้องสูญเสียพ่อ ลุง และลูกพี่ลูกน้องจากน้ำมือของผู้รุกรานชาวญี่ปุ่น โดยการจากไปของพ่อ ทำให้แม่ของเถาเฉิงอี้ต้องดิ้นรนเพื่อปากท้องด้วยการทำธุรกิจค้าขายเล็กๆ พร้อมกับเลี้ยงดูลูกไปด้วย และสงครามทำลายวัยเยาว์ของเขาจนหมดสิ้น
อนึ่ง เหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิงเกิดขึ้นหลังจากกองกำลังทหารญี่ปุ่นยึดครองหนานจิง อดีตเมืองหลวงของจีน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 1937 โดยตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ ทหารญี่ปุ่นได้เข่นฆ่าพลเรือนและทหารไร้อาวุธชาวจีนราว 3 แสนราย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ป่าเถื่อนที่สุดของสงครามโลกครั้งที่สอง
ด้านสภานิติบัญญัติระดับสูงสุดของจีนกำหนดให้วันที่ 13 ธ.ค. เป็นวันรำลึกถึงเหยื่อเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิงระดับชาติ
(ภาพจากหอรำลึกเหยื่อเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิงโดยผู้รุกรานชาวญี่ปุ่น : เถาเฉิงอี้ ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง เสียชีวิตด้วยวัย 89 ปี)