แคนเบอร์รา, 27 มิ.ย. (ซินหัว) -- มหาวิทยาลัยฟลินเดอร์สในรัฐเซาท์ออสเตรเลียของออสเตรเลียเปิดเผยการพัฒนาวิธีการสกัดทองคำจากแร่ธรรมชาติและขยะอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ที่ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการสกัดทองคำ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยฯ ระบุว่าปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์พุ่งแตะ 62 ล้านตันในปี 2022 วิธีใหม่นี้จึงกลายเป็นความหวังในการกู้คืนทองคำ และลดการพึ่งพาการทำเหมืองที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยบรรเทาปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น
เทคนิคใหม่นี้ใช้สารฆ่าเชื้อราคาถูกและหาได้ง่ายอย่างกรดไตรคลอโรไอโซไซยานูริก (trichloroisocyanuric acid) ผสมกับน้ำเกลือเพื่อละลายทองคำ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่เป็นพิษอย่างไซยาไนด์หรือปรอท
การศึกษาดังกล่าวซึ่งเผยแพร่ผ่านวารสารเนเจอร์ ซัสเทนอะบิลิตี (Nature Sustainability) เปิดเผยว่าหลังจากทองคำละลายแล้วจะมีการใช้พอลิเมอร์ที่อุดมด้วยกำมะถัน ซึ่งถูกสังเคราะห์ด้วยรังสียูวี เพื่อจับทองคำออกจากสารผสมที่ซับซ้อนอย่างขยะอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นจะมีการให้ความร้อนกับพอลิเมอร์เพื่อแยกทองคำออก และนำโมโนเมอร์ (monomer) กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ทำให้กระบวนการนี้เป็นการกู้คืนทองแบบหมุนเวียน
ทีมวิจัยสหวิทยาการจากมหาวิทยาลัยฯ ระบุว่าวิธีการนี้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้ไซยาไนด์และปรอท ซึ่งเป็นสารพิษที่ใช้กันทั่วไปในการทำเหมืองทอง โดยช่วยลดความเสี่ยงต่อระบบนิเวศและชุมชน และยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ทำเหมืองรายย่อยที่มักใช้ปรอทเป็นหลักอีกด้วย
ทั้งนี้ ทีมวิจัยฯ ยังได้ทดสอบเทคนิคนี้กับตัวอย่างแร่จากผู้ร่วมมือในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนผู้ทำเหมืองรายย่อยให้สามารถสกัดทองได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
ลินน์ ลิสโบอา หนึ่งในผู้เขียนหลักของการศึกษา ระบุว่าความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นทั้งในด้านเทคโนโลยีและสังคม ส่งผลให้การพัฒนาวิธีการสกัดทองจากแหล่งต่างๆ อย่างปลอดภัยและหลากหลายจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
(แฟ้มภาพซินหัว : นักวิจัยปฏิบัติงานที่ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียในกรุงแคนเบอร์ราของออสเตรเลีย วันที่ 15 ก.ค. 2020)