ปักกิ่ง, 11 ก.ค. (ซินหัว) -- วันศุกร์ (11 ก.ค.) สถาบันซินหัว หน่วยงานคลังสมองของสำนักข่าวซินหัว เผยแพร่รายงาน "ความมุ่งมั่นพยายามเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน : นวัตกรรมเชิงปฏิบัติและเชิงทฤษฎีของจีนในการเสริมสร้างและขยายผลสำเร็จของการบรรเทาความยากจน"
รายงานฉบับนี้ระบุว่าความสำเร็จในการลดความยากจนของจีนเป็นผลจากการปรับใช้แนวทางสากลอันดีที่สุดอย่างครอบคลุม รวมถึงการประยุกต์ใช้ประสบการณ์บรรเทาความยากจนจากทั่วโลกในท้องถิ่น ซึ่งทั้งหมดสร้างความก้าวหน้าของการลดความยากจนร่วมกันทั่วโลก
จีนจัดสรรความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาแก่ประเทศต่างๆ กว่า 160 แห่ง และร่วมเดินหน้าแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) กับกว่า 150 ประเทศ เมื่อนับถึงสิ้นปี 2024 ขณะแผนริเริ่มการพัฒนาระดับโลก (GDI) ซึ่งเริ่มต้นดำเนินงานเมื่อสามปีก่อน ได้ระดมทุนเพื่อการพัฒนาเกือบ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.49 แสนล้านบาท) ดำเนินโครงการต่างๆ กว่า 1,100 โครงการ และมอบประโยชน์อันเป็นรูปธรรมแก่ประชาชนของหลายประเทศ
จีนประยุกต์ใช้หลักการบรรเทาความยากจน "แบบมุ่งเป้า" และ "ขับเคลื่อนตามความต้องการ" ในความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการบรรเทาความยากจน พร้อมดำเนินโครงการต่างๆ ที่มองเห็นได้และจับต้องได้ และส่งมอบผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว โดยเรื่องราวความร่วมมือเหล่านี้สะท้อนว่าจีนเป็นผู้ส่งเสริมเชิงรุกและผู้มีส่วนร่วมต่อเนื่องในการลดความยากจนทั่วโลก
จีนมุ่งมั่นให้การสนับสนุนเชิงระบบแก่การลดความยากจนทั่วโลก โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ความช่วยเหลือทางการเงิน การเสริมสร้างขีดความสามารถ และการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยเหลือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเสริมสร้างพลังการเติบโตของตนเอง
รายงานฉบับนี้สำทับว่าความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการลดความยากจนของจีน ซึ่งชี้นำด้วยวิสัยทัศน์ประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน ได้ปรับเปลี่ยนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจาก "ผู้ตามเชิงรับ" ในกระแสธารการสร้างความทันสมัยเป็น "ผู้ร่วมสร้าง" ที่มีความเท่าเทียม
การลดความยากจนไม่ใช่เพียงเรื่องของการลดตัวเลข แต่เป็นการยกระดับสู่อารยธรรมรูปแบบใหม่ โดยประสบการณ์ของจีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่สามารถนำพาประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนขั้นรุนแรงเป็นจำนวนมากที่สุดได้จุดประกายการเสวนาระหว่างอารยธรรมเกี่ยวกับแก่นแท้ในความก้าวหน้าของมนุษยชาติ
(แฟ้มภาพซินหัว : ชาวบ้านโชว์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่โรงงานในโครงการความร่วมมือบรรเทาความยากจนที่ได้รับความช่วยเหลือจากจีนในจังหวัดกันดาลของกัมพูชา วันที่ 31 ก.ค. 2020)