กว่างโจว, 11 ก.ค. (ซินหัว) -- จีนดำเนินการฟ้องร้องสมาชิกหลักของกลุ่มอาชญากรรมฉ้อโกงทางโทรคมนาคม ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ทางตอนเหนือของเมียนมา จำนวน 21 ราย ภายใต้ข้อหาต่างๆ ตามบทกฎหมายของจีน ทั้งฉ้อโกง เปิดคาสิโนหรือบ่อนการพนัน ฆาตกรรมโดยเจตนา ผลิตยาเสพติด และความผิดอื่นๆ อันมุ่งเป้าหมายหลักที่พลเรือนในจีน
หน่วยงานความมั่นคงสาธารณะของจีนเผยว่ากลุ่มอาชญากรรมนี้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ ซึ่งนำสู่การเสียชีวิตของพลเมืองจีน 6 ราย มีความเชื่อมโยงกับคดีฉ้อโกงทางโทรคมนาคมกว่า 31,000 คดี ซึ่งมีเงินหมุนเวียนสูงกว่า 1.06 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.81 หมื่นล้านบาท) และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตและลักลอบค้ายาเสพติดราว 11 ตัน
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนระบุว่าตั้งแต่ปี 2015 กลุ่มอาชญากรรมนี้ที่นำโดยเบย์ ซอว์ เชน (Bay Saw Chain) ได้สร้างแหล่งซ่องสุมขนาดใหญ่มากกว่า 41 แห่งในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมียนมา สำหรับปฏิบัติการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย
ศูนย์กลางการฉ้อโกงหลอกลวงเหล่านี้ถูกใช้ดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายที่มุ่งเป้าไปยังพลเมืองจีนอย่างเข้มข้น และล่อลวงบุคคลจากจีนข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายเพื่อเข้าร่วมการพนันและการหลอกลวงต้มตุ๋นต่างๆ
การสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมพบว่ากลุ่มอาชญากรรมนี้ยังคงควบคุมศูนย์กลางเหล่านี้ด้วยอาวุธ และใช้กลวิธีการบังคับใช้ความรุนแรง รวมถึงการทารุณกรรม การทำร้ายร่างกาย และการฆาตกรรมผู้ปฏิบัติการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมระดับล่าง
กระทรวงฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 เพื่อสืบสวนสอบสวนกลุ่มอาชญากรที่นำโดยเบย์ ซอว์ เชน และออกหมายจับในเดือนธันวาคม ต่อมาเดือนมกราคม 2024 เมียนมาได้ส่งตัวเบย์ ซอว์ เชน และเบย์ ยิน ฉิน ให้ทางการจีนภายใต้กลไกการบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือด้านความมั่นคงจีน-เมียนมา ซึ่งปัจจุบันมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหลักอยู่ทั้งหมด 36 ราย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้ส่งคณะทำงานลงพื้นที่ตอนเหนือของเมียนมา 5 ครั้ง ซึ่งดำเนินงานเก็บรวบรวมหลักฐานสำคัญภายใต้การสนับสนุนจากทางการเมียนมา ขณะเดียวกันมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนทั่วประเทศกว่า 1,000 นาย ดำเนินการรวบรวมคำให้การและหลักฐานจากเหยื่อผู้เสียหายภายในประเทศ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนและเมียนมาสามารถจับกุมพลเมืองจีนที่ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมภายใต้การบังคับใช้กฎหมายร่วมกันและปฏิบัติการแบบมุ่งเป้ามากกว่า 57,000 ราย โดยปฏิบัติการเหล่านี้ได้ปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่ปฏิบัติการอยู่ทางตอนเหนือของเมียนมาอย่างมีนัยสำคัญ