ลอนดอน, 8 มิ.ย. (ซินหัว) -- แอนโทนี เฟอร์มัน นักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์ ซึ่งกำลังต่อแถวพร้อมครอบครัวอยู่ข้างนอกหอศิลป์บอร์เกเซอันโด่งดังในกรุงโรมของอิตาลี เผยเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯ ไม่เคยเป็นตัวเลือกท่องเที่ยวช่วงวันหยุด เพราะยุโรปมีคนแออัดน้อยกว่าและภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่จัดเก็บกับสหภาพยุโรป (EU) ส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าด้วย
เฟอร์มันเป็นตัวอย่างสะท้อนแนวโน้มของชาวยุโรปจำนวนมากที่หลีกเลี่ยงการข้องเกี่ยวกับสหรัฐฯ โดยกระแสต่อต้านอเมริกากำลังแผ่ขยายทั่วทวีปยุโรป เนื่องจากนโยบายของสหรัฐฯ สร้างความตึงเครียดแก่ความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกและส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตัวเลือกการเดินทางท่องเที่ยวจนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค
ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ บริษัทที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจระดับโลก ระบุว่าการเดินทางขาเข้าสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงร้อยละ 8.7 ในปี 2025 โดยเฉพาะการเดินทางจากแคนาดาและยุโรปตะวันตกมีแนวโน้มลดลงมากที่สุด ขณะทัวริสต์ อีโคโนมิกส์ ในเครือออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ระบุว่าแผนการเดินทางจากยุโรปสู่สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 10 ในฤดูร้อนของปี 2025
ข้อมูลจากสำนักงานการเดินทางและการท่องเที่ยวแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่าการเดินทางจากต่างประเทศในเดือนมีนาคม 2025 ลดลงร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งการเดินทางจากยุโรปตะวันตกลดลงถึงร้อยละ 17.2 โดยการเดินทางจากเยอรมนี สเปน และไอร์แลนด์ลดลงมากกว่าร้อยละ 20 ส่วนการเดินทางจากสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสลดลงประมาณร้อยละ 10
โอมิโอ แพลตฟอร์มจองการเดินทาง รายงานว่าการยกเลิกการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ของปี 2025 โดยอัตราการยกเลิกจากสหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศสสูงเกือบร้อยละ 40
ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ชี้สาเหตุของแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวสหรัฐฯ ซบเซานั้นมาจากภาษีศุลกากรการค้าที่มุ่งเป้าจัดเก็บจากพันธมิตรดั้งเดิม รายงานข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงชายแดนที่น่าหนักใจ และคำเตือนการเดินทางอันเป็นที่ถกเถียงกัน
อดัม แซคส์ ประธานออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ วิจารณ์แนวทางของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าวาทะอันก้าวร้าวของทรัมป์ที่มีต่อสหภาพยุโรป กรีนแลนด์ และแคนาดาล้วนเป็นข้อผิดพลาดเสียเอง ทั้งส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้คนที่มีต่อสหรัฐฯ อย่างมาก
การหลีกเลี่ยงเดินทางท่องเที่ยวสหรัฐฯ เป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีที่ชาวยุโรปใช้ต่อต้านอิทธิพลของอเมริกา โดยผู้บริโภคชาวยุโรปกำลังคว่ำบาตรแบรนด์สหรัฐฯ ตั้งแต่สินค้าในครัวเรือนที่ใช้ในชีวิตประจำวันจนถึงเทคโนโลยีและสื่อ ซึ่งกระแสคว่ำบาตรนี้กำลังแพร่กระจายในเดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน เยอรมนี ฝรั่งเศส และโปแลนด์
สมาชิกกลุ่ม "ซื้อสินค้าจากสหภาพยุโรป" (BuyFromEU) บนแพลตฟอร์มเรดดิต (Reddit) ราว 2 แสนราย พากันแบ่งปันตัวเลือกแทนแบรนด์อเมริกันอย่างเน็ตฟลิกซ์ แมคโดนัลด์ และแอปเปิล ไล่ลามถึงสินค้าในชีวิตประจำวัน เช่น ถุงเท้า ซอสมะเขือเทศ และหูฟัง
บรรดานักพัฒนาในยุโรปได้เปิดตัวแอปพลิเคชันสแกนบาร์โค้ดเพื่อช่วยผู้บริโภคตรวจดูประเทศต้นกำเนิดสินค้า และปัจจุบันซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งมีโซนสินค้ายุโรปโดยเฉพาะ ซึ่งมาพร้อมป้ายกำกับผลิตในสหภาพยุโรปอย่างชัดเจน
กลุ่มนักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซกส์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจสูญเสียรายได้มากถึง 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.95 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 เพราะการท่องเที่ยวลดลงและการคว่ำบาตรจากนานาชาติเพิ่มขึ้น นำสู่ความเสี่ยงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตกต่ำลงพอประมาณ
พอล อิงลิช ผู้ร่วมก่อตั้งคายัก (Kayak) เว็บไซต์ท่องเที่ยว กล่าวว่าทรัมป์ได้ทำลายชื่อเสียงของสหรัฐฯ พร้อมสำทับว่าจำนวนผู้เดินทางเยือนสหรัฐฯ ที่ลดลงไม่เพียงเป็นหนึ่งผลกระทบเลวร้ายต่อเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังบ่อนทำลายชื่อเสียงที่อาจใช้เวลาแก้ไขนานหลายชั่วอายุคน
(แฟ้มภาพซินหัว : คนซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ วันที่ 15 พ.ค. 2024)