(แฟ้มภาพซินหัว : เครื่องเคลือบดินเผาที่ขุดพบจากซากเตาเผาซูอวี้โข่ว บริเวณภูเขาเฮ่อหลาน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน)
อิ๋นชวน, 26 ก.พ. (ซินหัว) -- เครื่องเคลือบดินเผาที่ขุดพบในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งผลิตขึ้นเมื่อเกือบ 1,000 ปีก่อนในสมัยราชวงศ์ที่ปกครองโดยกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อย มีความคล้ายคลึงอย่างมากกับเครื่องเคลือบดินเผาที่ผลิตขึ้นในจิ่งเต๋อเจิ้น เมืองทางตะวันออกของจีนที่ได้รับการขนานนามให้เป็น "เมืองหลวงแห่งเครื่องเคลือบดินเผา"
ซากเตาเผาซูอวี้โข่วที่ถูกค้นพบเมื่อปี 2017 ในเมืองอิ๋นชวน เมืองเอกของหนิงเซี่ย ครอบคลุมพื้นที่ราว 40,000 ตารางเมตร ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่าการค้นพบนี้เป็นหลักฐานแสดงถึงการผสมผสานระหว่างชาติพันธุ์ต่างๆ ของจีนในช่วงเวลานั้น
ระหว่างปี 2021-2024 นักโบราณคดีจากสถาบันวัตถุทางวัฒนธรรมและโบราณคดีหนิงเซี่ย และมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ขุดค้นพื้นที่ราว 2,400 ตารางเมตร และพบซากโรงงานที่ประกอบด้วยเตาเผา 6 แห่ง ซึ่งรวมถึงหลุมที่คนงานเคยขุดเจาะเพื่อหาเนื้อดิน ถ่านหิน ควอตซ์ ปูนขาว ตลอดจนวัตถุดิบและเชื้อเพลิงอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตเครื่องเคลือบดินเผา
เซรามิกสีขาวละเอียดที่ค้นพบในสถานที่แห่งนี้มีเนื้อสัมผัสละเอียดอ่อน เคลือบอุ่น ทั้งส่องประกายแวววาวและโปร่งแสง ซึ่งคล้ายกับที่พบในจิ่งเต๋อเจิ้นอย่างมาก และเมื่อพิจารณาจากขนาดการผลิตและเครื่องดินเผาซึ่งมีตัวอักษรคำว่ากวน (guan) ที่แปลว่าทางการปรากฏอยู่ นักโบราณคดีเชื่อว่าเตาซูอวี้โข่วเป็นเตาเผาของทางการที่ส่วนใหญ่ใช้เพื่อผลิตชาม ถ้วย จาน และเครื่องใช้ประจำวันอื่นๆ สำหรับราชวงศ์ในช่วงราชวงศ์เซี่ยตะวันตก (ปี 1038-1227)
ฉินต้าซู่ ศาสตราจารย์จากคณะโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์วิทยาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ตั้งข้อสังเกตว่าเซรามิกสีขาวแบบนี้เป็นที่นิยมในหมู่ขุนนางและนักวิชาการในช่วงราชวงศ์ซ่งเหนือ (ปี 960-1127) ราชวงศ์ซ่งและเซี่ยตะวันตกเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและมีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ใกล้ชิด จึงเป็นไปได้ว่าขุนนางจากราชวงศ์ซ่งเหนืออาจส่งช่างฝีมือชั้นยอดไปยังเซี่ยตะวันตก และช่วยพวกเขาผลิตเครื่องเคลือบดินเผาสีขาววิจิตรนี้
การศึกษาเครื่องเคลือบดินเผาที่ค้นพบในแหล่งเตาเผาซูอวี้โข่ว นักโบราณคดีพบว่าส่วนผสมของควอตซ์และเครื่องมือมีประสิทธิภาพที่เตาเผานี้มีมาตรฐานทางเทคนิคใกล้เคียงหรือเทียบเท่าเครื่องเคลือบดินเผาควอตซ์คุณภาพสูงในปัจจุบัน และแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี "สูตรคู่ขนาน" (dual formula) ของเครื่องเคลือบจีนสามารถสืบย้อนไปจนถึงราชวงศ์เซี่ยตะวันตก และไม่ได้มีต้นกำเนิดในสมัยราชวงศ์หยวน (ปี 1271-1368) ตามที่เชื่อก่อนหน้านี้
จูชุนสือ หัวหน้าสถาบันฯ ระบุว่าดินที่ขุดพบใกล้กับเตาเผาซูอวี้โข่วมีปริมาณอะลูมิเนียมออกไซด์สูง ซึ่งทำให้ยากต่อการนำไปผลิตเครื่องเคลือบสีขาวละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้ ช่างฝีมือจึงเติมควอตซ์ลงในดินเพื่อเพิ่มสัดส่วนของซิลิกอนไดออกไซด์และลดสัดส่วนอะลูมิเนียมออกไซด์ จนได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกับเครื่องเคลือบจากจิ่งเต๋อเจิ้น
ทั้งนี้ แหล่งเตาเผาซูอวี้โข่วจัดเป็นแหล่งเตาเผาของราชวงศ์เซี่ยตะวันตกซึ่งเก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบมาในจีน โดยหลี่เจิ้ง นักวิจัยจากสำนักบริหารมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติจีน มองว่าการค้นพบเตาเผานี้ช่วยอธิบายที่มาของเครื่องเคลือบดินเผาที่สมาชิกราชวงศ์เซี่ยตะวันตกใช้งาน และตอบคำถามที่สำคัญในแง่ประวัติศาสตร์การพัฒนาเครื่องเคลือบดินเผาของจีน
(แฟ้มภาพซินหัว : ชามเคลือบดินเผาที่ขุดพบจากซากเตาเผาซูอวี้โข่ว บริเวณภูเขาเฮ่อหลาน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน)
(แฟ้มภาพซินหัว : แหล่งเตาเผาซูอวี้โข่ว บริเวณภูเขาเฮ่อหลาน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 22 ก.พ. 2025)
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้เชี่ยวชาญทำการสำรวจภาคสนามในแหล่งเตาเผาซูอวี้โข่ว ภูเขาเฮ่อหลาน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 22 ก.พ. 2025)
(แฟ้มภาพซินหัว : นักโบราณคดีทำงานขุดค้นในแหล่งเตาเผาซูอวี้โข่ว ภูเขาเฮ่อหลาน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 24 ต.ค. 2024)