(แฟ้มภาพซินหัว : จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ที่งานวัฒนธรรมตรุษจีน "หนึ่งสายน้ำเชื่อมสายใย หนึ่งครอบครัวร่วมสายใจ" ประจำปี 2025 ณ กรุงเทพฯ วันที่ 17 ม.ค. 2025)
กรุงเทพฯ, 19 ม.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) มีการจัดงานวัฒนธรรมตรุษจีน "หนึ่งสายน้ำเชื่อมสายใย หนึ่งครอบครัวร่วมสายใจ" ประจำปี 2025 ณ กรุงเทพฯ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักประชาสัมพันธ์แห่งคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไทยและจีนมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดดังคนในครอบครัวเดียวกันและผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามากมาย ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือหลากหลายด้านที่มีส่วนส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางสังคมในไทย จีน และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงหวังว่าไทยและจีนจะเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมต่อไปในอนาคต
กระแส ชนะวงศ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนมีนัยสำคัญมากต่อความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขงในภูมิภาค และแนวคิด "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" นั้นได้หยั่งรากลึกอยู่ในจิตใจของประชาชนชาวไทยเสมอมา
หานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวผ่านคลิปวิดีโอว่าจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่ดีต่อกัน เปรียบดังเครือญาติที่ผูกพันทางสายเลือด และมิตรสหายร่วมชะตากรรมเดียวกัน โดนจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ตลาดส่งออกสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ที่สุด แหล่งการลงทุนจากต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุด และแหล่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุดของไทย
หานเสริมว่าสำหรับปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย หรือเรียกว่า "50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย" เราจะจับมือกันก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงบนเส้นทางของการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน ส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน และนำพาประโยชน์มาสู่ประชาชนของสองประเทศ
อนึ่ง งานนี้ยังมีการเผยแพร่ 10 ข่าวเด่นของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง ประจำปี 2024 การเปิดตัวแผนท่องเที่ยวมรดกโลกในภูมิภาคล้านช้าง-แม่โขง ประจำปี 2025 การบอกเล่าเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ และตลาด "คำทักทายจากบ้านเกิดเจิ้งเหอ" ที่นำเสนออาหารพื้นเมืองและผลิตภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของสองประเทศ