เจนีวา, 21 พ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (20 พ.ค.) โฆษกของคณะผู้แทนจีนประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา กระตุ้นเตือนสหรัฐฯ หยุดใช้การสืบหาต้นตอของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มาสร้างประเด็นทางการเมือง และหยุดกดดันองค์กรระหว่างประเทศ

โฆษกกล่าวในแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างอันไร้เหตุผลของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 78 ที่กำลังดำเนินอยู่ โดยระบุว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สหรัฐฯ ซึ่งเคยประกาศถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก กำลังโจมตีนานาประเทศที่ให้การสนับสนุนองค์การฯ โดยที่ไม่มีมูลความจริง พร้อมชี้ว่าเห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯ ได้สูญเสียสำนึกพื้นฐานในสิ่งที่ถูกและผิด จีนให้การสนับสนุนองค์การฯ โดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวเสมอมา แทนที่จะใช้อิทธิพลอย่างไม่เหมาะสม

โฆษกเน้นย้ำว่าตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด จีนได้แบ่งปันข้อมูลและลำดับพันธุกรรมของเชื้อไวรัสฯ กับชุมชนนานาชาติโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ จีนยังได้จัดหาเวชภัณฑ์และความช่วยเหลือทางการเงินให้กับองค์การอนามัยโลกและ 153 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนในการปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของมนุษยชาติ

จีนสนับสนุนการสืบหาต้นตอตามหลักวิทยาศาสตร์ที่นำโดยองค์การฯ และได้เชิญคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การฯ ไปจีนหลายครั้งเพื่อดำเนินการศึกษาร่วมกัน ความพยายามเหล่านี้ส่งผลให้มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ว่ากรณีการรั่วไหลของโรคโควิด-19 จากห้องปฏิบัติการในจีนนั้น "ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่ง" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้างและความโปร่งใสของจีนในประเด็นนี้

โฆษกระบุว่าบางประเทศพยายามปกปิดการรับมือโรคระบาดใหญ่ที่ย่ำแย่ของตนด้วยการใส่ร้ายผู้อื่น การบิดเบือนกรณีโรคระบาดใหญ่มาเป็นประเด็นทางการเมืองเช่นนี้ถือเป็นเรื่องน่าละอายและมีแต่จะล้มเหลว นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังติดค้างคำอธิบายที่น่าเชื่อถือต่อชุมชนนานาชาติที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับต้นกำเนิดและการรับมือกับโรคระบาดใหญ่ในสหรัฐฯ เองด้วย

ทั้งนี้ จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ แบ่งปันข้อมูลผู้ติดเชื้อในระยะแรกเริ่มกับองค์การฯ และมีความโปร่งใสในกรณีฟอร์ต เดทริก (Fort Detrick) และเครือข่ายห้องปฏิบัติการทางชีวภาพในต่างประเทศ สหรัฐฯ ควรหยุดใช้การสืบหาต้นตอของโรคโควิด-19 มาสร้างประเด็นทางการเมือง และหยุดกดดันองค์กรระหว่างประเทศ

บทความก่อนหน้า

GLOBALink : 520 หว่ออ้ายหนี่! พิธีวิวาห์หมู่ 11 คู่บนโรงแรมหรูในฉงชิ่ง

บทความถัดไป

นทท.เยี่ยมชม 'เมืองเพตรา' มรดกยูเนสโกในจอร์แดน