(แฟ้มภาพซินหัว : ป้ายสัญลักษณ์ชอป แคนาเดียนปรากฏที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา วันที่ 4 มี.ค. 2025)
ออตตาวา, 10 มี.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) มาร์ก คาร์นีย์ ซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนถัดไปของแคนาดาต่อจากจัสติน ทรูโด กล่าวว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังโจมตีแรงงาน ครอบครัว และธุรกิจของชาวแคนาดา
ขณะกล่าวสุนทรพจน์หลังคว้าชัยชนะ คาร์นีย์วิจารณ์ทรัมป์ประเด็นการจัดเก็บภาษีศุลกากรที่ไม่เป็นธรรมต่อแคนาดาและคำกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่ากรณีการผนวกแคนาดาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ โดยคาร์นีย์ชี้ว่าแคนาดาจะคงภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จนกว่าชาวอเมริกันจะแสดงความเคารพต่อแคนาดา
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารกำหนดอัตราภาษีศุลกากรร้อยละ 25 สำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา พร้อมกับเพิ่มภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานจากแคนาดาอีกร้อยละ 10 ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ทรัมป์ประกาศเลื่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีดังกล่าวออกไป 30 วันเพื่อดำเนินการเจรจา ส่งผลให้มาตรการภาษีที่เกี่ยวข้องมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มี.ค.
ในวันที่บังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากร รัฐบาลแคนาดาได้ตอบโต้ด้วยการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรเบื้องต้นสำหรับสินค้าของสหรัฐฯ มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 7.06 แสนล้านบาท) และจะเก็บภาษีกับสินค้าอีก 1.25 แสนล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.94 ล้านล้านบาท) ภายใน 21 วัน
สำหรับคำกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ต้องการทำให้แคนาดากลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ คาร์นีย์กล่าวว่าแคนาดาจะไม่มีวันเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาไม่ว่าด้วยวิธีใด รูปแบบใด หรือในลักษณะใด ชาวอเมริกันต้องการทรัพยากร น้ำ ผืนแผ่นดิน รวมถึงประเทศของเรา นี่ถือเป็นช่วงเวลาอันมืดมนซึ่งเกิดจากประเทศที่แคนาดาไม่อาจไว้วางใจได้อีกต่อไป
ด้านทรูโดกล่าวอำลาต่อพรรคเสรีนิยมเมื่อวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) และเตือนว่าแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทายและวิกฤตเศรษฐกิจที่มีปัจจัยมาจากสหรัฐฯ