ออตตาวา, 4 มี.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศว่าจะดำเนินการจัดเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 25 กับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 1.55 แสนล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 3.63 ล้านล้านบาท) ตั้งแต่วันอังคาร (4 มี.ค.) หากรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดำเนินตามแผนการจัดเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าแคนาดา
เมลานี โจลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา กล่าวว่าแคนาดาพร้อมตอบโต้การจัดเก็บภาษีศุลกากรของทรัมป์ทันที พร้อมชี้ว่าเจ้าหน้าที่แคนาดาดำเนินการผลักดันทางการทูตเพื่อเลี่ยงการจัดเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ มาตลอดหนึ่งเดือน และตอบสนองต่อความกังวลของทรัมป์ในประเด็นชายแดน ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งผู้ควบคุมเฟนทานิลคนใหม่ และขึ้นบัญชีกลุ่มค้ายาของเม็กซิโกในฐานะกลุ่มก่อการร้าย
ด้านโจนาธาน วิลกินสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของแคนาดา ระบุว่าแคนาดาและสหรัฐฯ ไม่ใช่หุ้นส่วนทางการค้าอีกต่อไป แม้ว่าจะมีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรแล้วก็ตาม
อนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) ทรัมป์กล่าวว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 25 สำหรับสินค้าของเม็กซิโกและแคนาดาจะมีผลบังคับใช้วันอังคาร (4 มี.ค.)
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดการจัดเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 25 กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มร้อยละ 10 กับผลิตภัณฑ์พลังงานของแคนาดาโดยเฉพาะ
ต่อมาวันที่ 3 ก.พ. ทรัมป์ประกาศว่าแผนการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกเลื่อนออกไปหนึ่งเดือนเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อรอง ทำให้มาตรการภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องมีกำหนดบังคับใช้วันที่ 4 มี.ค.
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้คนเดินบนถนนในเมืองโตรอนโต รัฐออนแทรีโอของแคนาดา วันที่ 16 มิ.ย. 2023)