(แฟ้มภาพซินหัว : บูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่งานสิงคโปร์ มอเตอร์โชว์ ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการซันเทคในสิงคโปร์ วันที่ 9 ม.ค. 2025)
แฟรงก์เฟิร์ต, 1 พ.ค. (ซินหัว) -- เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป (Mercedes-Benz Group) ผู้ผลิตยานยนต์หรูของเยอรมนี ประกาศว่ากำไรสุทธิยังคงลดลงในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ต่อจากการลดลงในปี 2024 เนื่องจากอุปสงค์ความต้องการทั่วโลกยังคงซบเซา บวกกับแรงกดดันจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
รายงานระบุว่าการส่งมอบรถยนต์ในไตรมาสแรกอยู่ที่ 446,300 คัน ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบปีต่อปี ทำให้รายได้ลดลงร้อยละ 7 อยู่ที่ 3.32 หมื่นล้านยูโร (ราว 1.26 ล้านล้านบาท) ขณะกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีลดลงร้อยละ 41 อยู่ที่ 2.29 พันล้านยูโร (ราว 8.7 หมื่นล้านบาท) และกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 43 เมื่อเทียบปีต่อปี
ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายลดลงในทุกหมวดหมู่ ยกเว้นเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี (Mercedes-AMG) และรถยนต์อเนกประสงค์จี-คลาส (G-Class) ซึ่งมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และร้อยละ 18
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ชี้ว่าภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นและมาตรการตอบโต้จากทั่วโลกสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากต่อการพัฒนาธุรกิจ โดยแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ลงอย่างชัดเจน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอ่อนแอ และผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะฉุดรั้งการเติบโตในปีนี้ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ
สงครามการค้าของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อตลาดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทยานยนต์รายใหญ่หลายรายต่างกังวลเพิ่มขึ้นจนต้องเลื่อนการลงทุนหรือปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น แอสตัน มาร์ตินของสหราชอาณาจักร และออดี้ของเยอรมนี ได้ระงับการส่งออกสู่สหรัฐฯ ชั่วคราวเพื่อตอบโต้ภาษีศุลกากร