(แฟ้มภาพซินหัว : โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ วันที่ 2 เม.ย. 2025)
ลอสแอนเจลิส, 17 เม.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันพุธ (16 เม.ย.) เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ เปิดเผยการยื่นฟ้องร้องรัฐบาลกลางภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในกรณีจัดเก็บ "ภาษีศุลกากรอันมิชอบด้วยกฎหมาย" กับบรรดาคู่ค้าระหว่างประเทศ
แถลงการณ์จากนิวซัมระบุว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรอันมิชอบด้วยกฎหมายของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังสร้างความวุ่นวายแก่ประชาชน ธุรกิจ และเศรษฐกิจของแคลิฟอร์เนีย ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน รัฐแคลิฟอร์เนียจึงขอลุกขึ้นมาปกป้องชาวอเมริกันที่มิอาจทนให้ความวุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้นต่อไป
นิวซัมโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีอำนาจกำหนดการจัดเก็บภาษีศุลกากรที่บ่อนทำลายและสร้างวุ่นวายเหล่านี้ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจอยู่เพียงฝ่ายเดียวเพื่อปรับขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาสมัยใหม่
นิวซัมเสริมว่าแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ไม่มีรัฐใดจะได้รับผลกระทบมากกว่ารัฐแคลิฟอร์เนีย โดยร้อยละ 40 ของสินค้าที่หมุนเวียนในสหรัฐฯ นำเข้าผ่านท่าเรือ 2 แห่งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งราวร้อยละ 50 นำเข้ามาจากจีน
อนึ่ง คณะเจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียจะยื่นฟ้องร้องต่อศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำแขวงตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย เพื่อโต้แย้งว่ากฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act) ที่ทรัมป์อ้างอิงเพื่อจัดเก็บภาษีศุลกากร ไม่ได้มอบอำนาจให้เขาจัดเก็บภาษีศุลกากรเพียงฝ่ายเดียว
แคลิฟอร์เนียนับเป็นรัฐแรกในประเทศที่ฟ้องร้องรัฐบาลกลางภายใต้การนำของทรัมป์ในประเด็นภาษีศุลกากร โดยแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐฯ และผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดในบรรดารัฐต่างๆ ด้วยมูลค่าการค้าสองทางสูงกว่า 6.75 แสนล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 22.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งช่วยสนับสนุนการจ้างงานหลายล้านอัตราทั่วรัฐ
เม็กซิโก แคนาดา และจีน เป็นจุดหมายส่งออกสามอันดับแรกของแคลิฟอร์เนีย ซื้อสินค้าส่งออกของแคลิฟอร์เนียรวมกันเกือบ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.23 ล้านล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 1 ใน 3 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด 1.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 6.09 ล้านล้านบาท) ของรัฐในปี 2024