ซิดนีย์, 13 เม.ย. (ซินหัว) -- คณะนักวิจัยของออสเตรเลียเปิดเผยว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการลดไขมันหน้าท้องส่วนเกินหรือภาวะอ้วนลงพุงในเด็ก ได้แก่ การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้แนวทางใดแนวทางหนึ่งเพียงอย่างเดียว

คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชาร์ลส สเติร์ท และมหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์น ซิดนีย์ ได้วิเคราะห์ข้อมูลการทดลองทางคลินิก 34 ชุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับเด็กอายุ 5-18 ปี กว่า 8,100 คน และพบว่าการใช้กลยุทธ์เดี่ยวๆ อย่างเดียว ได้แก่ คุมอาหาร ออกกำลังกาย อาหารเสริม หรือยา ไม่ได้ช่วยลดรอบเอวลงอย่างมีนัยสำคัญ

แผนการที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุดเป็นการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนหรือไขมันต่ำ ควบคู่กับการออกกำลังกายนานสูงสุด 150 นาทีต่อสัปดาห์ ติดต่อกัน 6-9 เดือน โดยคณะนักวิจัยชี้ว่าอัตราโรคอ้วนในเด็กทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้น คาดว่ามีเด็กหญิง 94 ล้านคน และเด็กชาย 65 ล้านคนเป็นโรคอ้วนในปี 2022

คณะนักวิจัยเน้นย้ำว่ารัฐบาล โรงเรียน และองค์กรสุขภาพต้องประสานงานกันเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยผลลัพธ์จะสนับสนุนเป้าหมายของโลกในการยุติภาวะทุพโภชนาการและลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อภายในปี 2030

อนึ่ง ภาวะอ้วนลงพุงหมายถึงมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องและอวัยวะภายใน ซึ่งเป็นอันตรายมากกว่าโรคอ้วนทั่วไป เพราะเชื่อมโยงสู่โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และปัญหาสุขภาพเรื้อรังอื่นๆ

บทความก่อนหน้า

ทำเนียบขาวเผย 'สหรัฐฯ-อิหร่าน' หารือเชิงบวกรอบแรก

บทความถัดไป

ตุรกีเปิดส่วนต่อขยาย 'สนามบินอันตัลยา' หนุนท่องเที่ยว