ลอนดอน, 9 เม.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (8 เม.ย.) รายงานการทบทวนระบบไฟฟ้าโลก ปี 2025 ของเอ็มเบอร์ (Ember) คลังสมองด้านพลังงานในสหราชอาณาจักร เผยว่าพลังงานหมุนเวียนที่เติบโตเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดให้สูงแตะร้อยละ 40.9 ของระบบไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2024 ถือเป็นปีแรกที่แหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำครองสัดส่วนในระบบไฟฟ้าทั่วโลกกว่าร้อยละ 40 นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1940 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ระบบไฟฟ้าทั่วโลกมีขนาดเล็กกว่าปัจจุบันถึง 50 เท่า
พลังงานน้ำยังคงเป็นแหล่งพลังงานขนาดใหญ่ที่สุด คิดเป็นร้อยละ 14.3 ของการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2024 ตามมาด้วยพลังงานนิวเคลียร์อยู่ที่ร้อยละ 9.0 ทว่าแม้พลังงานทั้งสองชนิดนี้จะยังคงเป็นแหล่งไฟฟ้าคาร์บอนต่ำขนาดใหญ่ที่สุด แต่สัดส่วนของพลังงานน้ำและนิวเคลียร์กลับไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งมีสัดส่วนลดลงต่ำที่สุดในรอบ 45 ปีเมื่อปีที่ผ่านมา
รายงานระบุว่าสัดส่วนพลังงานลม (ร้อยละ 8.1) และพลังงานแสงอาทิตย์ (ร้อยละ 6.9) ของโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อรวมกันแล้ว การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมแซงหน้าผลผลิตพลังงานน้ำเป็นครั้งแรก พลังงานแสงอาทิตย์ได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานระดับโลก โดยทั้งกำลังการผลิตและการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ได้สร้างสถิติใหม่ในปี 2024
ฟิล แมคโดนัลด์ กรรมการผู้จัดการของเอ็มเบอร์ กล่าวว่าเมื่อจับคู่กับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ พลังงานแสงอาทิตย์จะกลายเป็นพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ อย่างไรก็ดี คลื่นความร้อนส่งผลให้ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากฟอสซิลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และการปล่อยมลพิษจากภาคพลังงานเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์
รายงานชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญระดับโลก 2 ประการที่จะมีบทบาทต่อระบบไฟฟ้าทั่วโลกในช่วงเวลาที่เหลือของทศวรรษนี้ ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด และความต้องการไฟฟ้าที่ยังคงแข็งแกร่ง
(แฟ้มภาพซินหัว : พื้นที่โครงการพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์เข้มข้นเรดสโตน ในจังหวัดนอร์ทเธิร์นเคปของแอฟริกาใต้ วันที่ 20 ส.ค. 2024)