มะนิลา, 9 เม.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันพุธ (8 เม.ย.) ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.9 ในปี 2025 และร้อยละ 4.7 ในปี 2026 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางการค้าและอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น

รายงานแนวโน้มการพัฒนาเอเชีย ประจำเดือนเมษายน 2025 คาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อในภูมิภาคดังกล่าวจะลดลงเหลือร้อยละ 2.3 ในปี 2025 และร้อยละ 2.2 ในปี 2026 เนื่องจากราคาน้ำมันโลกและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่ลดลงจะช่วยลดแรงกดดันด้านราคาในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง

อัลเบิร์ต ปาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารฯ เผยว่าการคาดการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งจัดทำเสร็จก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศมาตรการภาษีใหม่เมื่อวันที่ 2 เม.ย. สะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะชะลอตัวในปี 2025-2026

ปาร์กกล่าวว่าภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะเผชิญความท้าทายจากอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนทางการค้า แต่อุปสงค์ในประเทศที่มั่นคงและการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงด้านลบที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคในกรณีที่สหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษีใหม่อย่างเต็มรูปแบบ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้น

มาซาโตะ คันดะ ประธานธนาคารฯ กล่าวว่าเอเชียและแปซิฟิกกำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ภูมิภาคแห่งนี้กำลังเผชิญกับภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงความตึงเครียดทางการค้า การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น

คันดะกล่าวว่าการยกระดับความร่วมมือระดับภูมิภาคถือเป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือความเปราะบางที่เผชิญร่วมกัน เช่น ความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงด้านพลังงาน และภัยพิบัติต่างๆ ขณะที่การเสริมแกร่งสถาบันเพื่อความร่วมมือข้ามพรมแดนจะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตและเสถียรภาพที่ยั่งยืน

บทความก่อนหน้า

เหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา เสียชีวิตแตะ 3,645 ราย

บทความถัดไป

ไฟไหม้บ้านพักคนชราในเหอเป่ย เสียชีวิตแล้ว 20 ราย