(แฟ้มภาพซินหัว : ปั๊มน้ำมันเอ็กซอนในเมืองพลาโน รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ วันที่ 20 เม.ย. 2020)
นิวยอร์ก, 3 พ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันศุกร์ (2 พ.ค.) เอ็กซอนโมบิล (Exxon Mobil) และเชฟรอน (Chevron) ยักษ์ใหญ่วงการน้ำมัน รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ที่ลดลง อันเนื่องมาจากส่วนต่างกำไรจากการกลั่นน้ำมันที่ลดลง ราคาน้ำมันที่ลดลง และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานถึงสถานการณ์นี้ว่า "คาดการณ์แนวโน้มของบริษัทเหล่านี้แย่ลงนับตั้งแต่สิ้นสุดไตรมาส"
รายงานระบุว่า ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีแบบสายฟ้าแลบเมื่อวันที่ 2 เม.ย. กลายเป็นบททดสอบใหม่สำหรับความสามารถของบริษัทน้ำมันสัญชาติอเมริกันในการรักษากำไรและการจ่ายผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน
ตลอดหลายปีหลังการระบาดของโควิด-19 ทั้งสองบริษัทได้ปรับลดต้นทุนลงเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนว่าบริษัทสามารถรับมือกับภาวะราคาน้ำมันตกต่ำในอนาคตได้
ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันต่อบาร์เรลลดลงประมาณร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศขึ้นภาษี โดยหลังจากการประกาศนโยบายภาษี มูลค่าหุ้นรวมของเอ็กซอนและเชฟรอนในตลาดก็หายไปรวมกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.98 แสนล้านบาท)
"เราเคยผ่านวัฏจักรเช่นนี้มาแล้ว และเราจะผ่านมันไปได้อีกครั้ง" อีเมอร์ บอนเนอร์ (Eimear Bonner) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเชฟรอนกล่าว พร้อมระบุว่าเชฟรอนยังไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุนในขณะนี้ และเชื่อว่าภาษีที่ประกาศใหม่นั้นจะส่งผลกระทบโดยตรงเพียงเล็กน้อยต่อธุรกิจของบริษัท