ปักกิ่ง, 9 เม.ย. (ซินหัว) – งานฮันโนเวอร์ เมสเซอ 2025 (Hannover Messe) งานอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ ซึ่งเพิ่งปิดฉากลง ณ เมืองฮันโนเวอร์ของเยอรมนี เมื่อไม่นานนี้ ได้เน้นประเด็นสำคัญด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), พลังงานสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยมีผู้จัดแสดงสินค้าจากประเทศและภูมิภาคราว 60 แห่งเข้าร่วมกว่า 3,800 ราย

ปีนี้ จีนมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ร่วมแสดงสินค้าอันดับสองรองจากเจ้าภาพ โดยมีผู้แสดงสินค้าชาวจีนกว่า 1,000 ราย สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวและบทบาทที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมจีนในเวทีระดับโลก

บูธของบริษัท ส่านซี เบลาเวอร์ กรุ๊ป (Shaanxi Blower) หรือ ส่านกู กรุ๊ป (ShaanGu Group) ดึงดูดผู้เข้าชมอย่างล้นหลาม บริษัทฯ ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจากผู้ผลิตอุปกรณ์อุตสาหกรรม สู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันระบบแบบครบวงจร ผ่านแนวทางนวัตกรรมที่ผสานการผลิต บริการ และการดำเนินงานเข้าไว้ด้วยกัน

ฟ่านเซียวหลง หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาของ ส่านกู ยุโรป ในเยอรมนี กล่าวว่า “เมื่อลูกค้าต้องเลือกใช้อุปกรณ์ขนาดใหญ่และกำลังสูง พวกเขาไม่ได้มองแค่ตัวอุปกรณ์เท่านั้น แต่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของระบบโดยรวมและความรวดเร็วในการส่งมอบ” พร้อมเสริมว่า ส่านกูไม่เพียงผลิตอุปกรณ์ แต่ยังมอบโซลูชันแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การออกแบบระบบแบบเบ็ดเสร็จ การให้บริการอุตสาหกรรม การใช้ระบบอัจฉริยะ ไปจนถึงการบริหารจัดการด้านพลังงาน

ปัจจุบัน ส่านกู กรุ๊ป มีบริษัทย่อยและศูนย์บริการในต่างประเทศรวม 28 แห่ง กระจายอยู่ในประเทศต่างๆ เช่น เยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งสร้างระบบนิเวศระดับโลกที่ผสานทั้งภาคการผลิต บริการ และการดำเนินงานเข้าด้วยกัน

หนึ่งในก้าวสำคัญคือ การเข้าซื้อกิจการ EKOL ผู้ผลิตกังหันชั้นนำของสาธารณรัฐเช็ก เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนาในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียก็ได้กลายเป็นที่ตั้งของโรงแยกอากาศขนาดใหญ่ที่สุดที่ดำเนินการโดยส่านกู

ฟ่านกล่าวเพิ่มเติมว่า “โลกาภิวัตน์ไม่ใช่การลอกแบบ แต่คือการปรับและสร้างศักยภาพใหม่ให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่” พร้อมย้ำว่าส่านกูให้ความสำคัญกับการปรับตัวให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว

กรณีของ ส่านกู กรุ๊ป เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่บริษัทจีนกำลังก้าวเข้าสู่เครือข่ายนวัตกรรมอุตสาหกรรมระดับโลกอย่างเป็นระบบและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ครอบคลุมตั้งแต่ระบบพลังงาน การผลิตแบบยืดหยุ่น หุ่นยนต์ ไปจนถึงการพิมพ์ยาสำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์

สเตฟาน ฮาร์ทุง (Stefan Hartung) ประธานคณะกรรมการบริหารของโรเบิร์ต บ๊อช (Robert Bosch) กล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์ว่า จีนได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวและการผลิตอัจฉริยะอย่างชัดเจน พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของจีนในการกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมโลกในอนาคต

(เรียบเรียงโดย Li Shimeng, Xinhua Silk Road, https://en.imsilkroad.com/p/345106.html)

บทความก่อนหน้า

แผ่นดินไหวเมียนมา ทำเสาสัญญาณโทรศัพท์เสียหายกว่า 6,000 แห่ง

บทความถัดไป

โรงเรียนในซีอันจัดพักเบรก ดึงเด็กทำกิจกรรมกลางแจ้ง