ปักกิ่ง, 17 มี.ค. (ซินหัว) -- ขณะนี้ จีนกำลังนำปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ภาคการเงินไปจนถึงการแพทย์ โดยมีดีปซีก (DeepSeek) แพลตฟอร์มเอไอแบบโอเพนซอร์ส (open-source) เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยยกระดับระบบอัจฉริยะ

กระแสเอไอพลัส (AI+) ซึ่งมุ่งเน้นโซลูชันที่ประหยัดต้นทุนและปรับแต่งได้นั้น กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานและนวัตกรรมทั่วประเทศ

ขณะนี้ ภาคการเงินอยู่ในแนวหน้าของกระแสดังกล่าว โดยธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ได้นำโมเดลของดีปซีกไปใช้เพื่อยกระดับบริการลูกค้าแบบอัจฉริยะ การแจ้งเตือนความเสี่ยง และกระบวนการทำงานอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างเห็นได้ชัด

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าจุดเด่นของดีปซีกคือความเป็นโอเพนซอร์ส ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนาโซลูชันที่เหมาะกับความต้องการของธุรกิจแต่ละประเภทได้

ตลาดทุนยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในศักยภาพของเอไอ โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเอไอ มีผลตอบแทนที่โดดเด่น ขณะที่บริษัทไชน่า ซีเคียวริตีส์ (China Securities) ได้กำหนดให้เอไอพลัสเป็นธีมการลงทุนสำคัญในปี 2025

โมเดลดีปซีก อาร์วัน (DeepSeek R1) ซึ่งเปิดตัวในเดือนมกราคม 2025 ได้ลดต้นทุนการใช้งานเอไอลงอย่างมาก ผ่านนวัตกรรมด้านอัลกอริทึม เร่งให้เกิดการบูรณาการเอไอในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

คาดการณ์ว่าตลาดเอไอของจีนจะมีมูลค่าเกิน 7 แสนหยวน (ราว 3.24 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2025 โดยโมเดลเอไอเฉพาะอุตสาหกรรมยังคงเป็นจุดสนใจหลัก

เซี่ยงไฮ้มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยตั้งเป้ากำลังประมวลผลที่ 100 เอ็กซะฟล็อปส์ (EFLOPS) และจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะเอไอ 3-5 แห่งภายในสิ้นปี 2025 ตามแผนพัฒนาเอไอของเซี่ยงไฮ้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดีปซีกจะขยายเทคโนโลยีโอเพนซอร์สสู่ภาคการเกษตร การศึกษา และพลังงาน พร้อมช่วยยกระดับผลิตภาพและประสิทธิภาพการดำเนินงาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ

(เรียบเรียงโดย Tian Shenyoujia, Xinhua Silk Road, https://en.imsilkroad.com/p/344679.html)

บทความก่อนหน้า

ศูนย์ ‘ซินหัว ไฟแนนซ์ โกลบอล’ เปิดตัวในเซี่ยงไฮ้ ก้าวสู่เวทีโลก

บทความถัดไป

จีนเปิดเส้นทางขนส่งสินค้าทางอากาศใหม่ เชื่อม ‘เอ้อโจว-บังกาลอร์’