(แฟ้มภาพซินหัว : เจ้าหน้าที่กู้ภัยปฏิบัติงานที่จุดเกิดเหตุเครื่องบินตกกระแทกและพุ่งชนที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอันของเกาหลีใต้ วันที่ 30 ธ.ค. 2024)
โซล, 12 ม.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันเสาร์ (11 ม.ค.) กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคมของเกาหลีใต้เปิดเผยว่ากล่องดำของเครื่องบินโดยสารที่พุ่งตกกระแทกในท่าอากาศยานทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเมื่อเดือนธันวาคม 2024 ไม่สามารถทำงานตามปกติได้ในช่วง 4 นาทีสุดท้าย
รายงานระบุว่าผลวิเคราะห์บันทึกข้อมูลการบิน (FDR) และบันทึกเสียงนักบิน (CVR) ของเครื่องบินโดยคณะกรรมการความปลอดภัยทางการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ พบการเก็บข้อมูลของบันทึกทั้งสองหยุดลงราว 4 นาที ก่อนเกิดการพุ่งชนอุปกรณ์โลคัลไลเซอร์ (localizer) บนแนวกำแพงนอกรันเวย์
สำหรับอุปกรณ์โลคัลไลเซอร์เป็นส่วนหนึ่งของระบบอุปกรณ์ลงจอดที่ช่วยชี้แนะเส้นกึ่งกลางบนรัเวย์แก่เครื่องบิน ด้านคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางเครื่องบินและรถไฟของกระทรวงฯ วางแผนระบุสาเหตุของกรณีไม่มีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว
อนึ่ง เครื่องบินโดยสารของสายการบินเจจู แอร์ พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 181 คน ต้นทางจากกรุงเทพฯ ลงจอดโดยปราศจากส่วนล้อ ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ และพุ่งชนแนวกำแพงคอนกรีตที่ติดตั้งอุปกรณ์โลคัลไลเซอร์ ณ ปลายรันเวย์ของท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2024 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย และผู้รอดชีวิต 2 ราย
รายงานเสริมว่าช่วง 6 นาทีก่อนการพุ่งตกกระแทก หอควบคุมการจราจรทางอากาศที่ท่าอากาศยานฯ ได้เตือนเครื่องบินให้ระวังการบินชนฝูงนก และช่วง 4 นาทีก่อนเกิดอุบัติเหตุ กัปตันของเครื่องบินส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้ายเมย์เดย์ (Mayday)
กระทรวงฯ เผยว่าการสอบสวนอุบัติเหตุนี้สามารถดำเนินการผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ยกเว้นบันทึกข้อมูลการบินและบันทึกเสียงนักบิน พร้อมให้คำมั่นพยายามหาคำอธิบายอย่างละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสุดความสามารถ