ปักกิ่ง, 20 พ.ย. (ซินหัว) ––  เจทัวร์ ออโต (Jetour Auto) แบรนด์รถยนต์ของจีน ยังคงขยายการดำเนินธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพระสากล โดยเฉพาะด้านการผลิตอัจฉริยะ ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญ

ล่าสุด เจทัวร์ ออโตได้เชิญสื่อมวลชนและเจ้าของยานยนต์จากหลากหลายประเทศกว่า 300 คน มาเยียมชม “โรงงานไร้แสง (Dark Factory)” ของบริษัทในนครฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยส่งเสริมการผลิตยานยนต์ที่ทันสมัย ล้ำหน้า และใช้ระบบดิจิทัล แก่ลูกค้าทั่วโลก

เจทัวร์ ซึ่งเป็นแบรนด์ยานยนต์ที่กำลังเติบโตในตลาดโลก ได้พัฒนาแพลตฟอร์มการผลิตอัจฉริยะและระบบควบคุมคุณภาพ ซึ่งเป็นเสาหลักของกระบวนการผลิตที่โรงงานในฝูโจว โรงงานแห่งนี้มีขั้นตอนการผลิตรถยนต์ที่ครบวงจร ตั้งแต่การตีแผ่นเหล็ก การเชื่อม การพ่นสี ไปจนถึงการประกอบ โดยมีกำลังการผลิตถึง 200,000 คันต่อปี และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเป็นสองเท่าหลังจากการขยายกำลังผลิตในเฟสที่ 2

ขณะนี้ โรงงานที่ฝูโจวกำลังเร่งผลิตรถยนต์เอสยูวีรุ่น เจทัวร์ ที 2 (Jetour T2) อย่างเต็มกำลัง ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนมกราคม 2024 ที่เมืองดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ติดอันดับต้นๆ ของรถยนต์ที่ยอดขายสูงสุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และซาอุดีอาระเบีย

นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ที่รู้จักกันในชื่อ "ทราเวลเลอร์” (Traveler) ในตลาดจีน ยังได้รับการตอบรับที่ดีในจีนด้วยเช่นกัน โดยปีแรกที่ออกสู่ตลาด ก็ขายได้มากกว่า 200,000 คัน กลายเป็นรถเอสยูวีออฟโรดขนาดเล็กที่มียอดขายดีที่สุดในจีน

นอกจาก เจทัวร์ ที2 แล้ว โรงงานฯ ยังมีแผนที่จะผลิตโมเดลใหม่ๆ ในอนาคต รวมถึงรถเอสยูวีระดับเอศูนย์ (A0-class), รถเอสยูวีระดับเอพลัส (A+-class) และรถซีดานระดับเอ (A-class)

ในยุคของการเปลี่ยนแปลงสู่พลังงานไฟฟ้าและพลังงานทดแทน เจทัวร์จะเร่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลังงานใหม่ หนึ่งในนั้นคือ “เจทัวร์ ที 1 ไอ-ดีเอ็ม” (Jetour's T1 i-DM) ซึ่งเป็นการใช้ระบบเทคโนโลยีไฮบริดแบบโหมดคู่ ซึ่งเปิดตัวในจีนไปเมื่อเดือนตุลาคม 2024 และได้รับการผลิตที่โรงงานในฝูโจวเช่นกัน

ในอีกสองปีข้างหน้า เจทัวร์ วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 8 รุ่น ครอบคลุมหลายรุ่นทั้งเอสยูวี สำหรับใช้งานในเมือง, เอสยูวี สำหรับการขับขี่แบบออฟโรด และรถกระบะ และภายในปี 2030 เจทัวร์มีแผนสร้างโรงงานแบบน็อคดาวน์ (knock-down) จำนวน 19 แห่งในต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการในตลาดกว่า 80 แห่งทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการผลิตอัจฉริยะและใช้ประโยชน์จากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก

(เรียบเรียงโดย Li Shimeng, Xinhua Silk Road, https://en.imsilkroad.com/p/343081.html)

 

บทความก่อนหน้า

แม่นยำและรวดเร็ว ‘การไฟฟ้าท้องถิ่นจีน’ ใช้โดรนตรวจสอบสถานีไฟฟ้าย่อย

บทความถัดไป

นักวิทย์สหรัฐฯ ใช้ชิ้นส่วน 'นก' พัฒนา 'โดรน' หวังบินกลมกลืนกับสัตว์ป่า