(แฟ้มภาพซินหัว : นักเรียนเรียนภาษาจีนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเวลลิงตันของนิวซีแลนด์ วันที่ 27 ก.ย. 2021)
เวลลิงตัน, 18 ก.ย. (ซินหัว) -- วันพุธ (18 ก.ย.) การวิจัยของนิวซีแลนด์เผยว่าสุขภาพจิตของเด็กและคนหนุ่มสาวในนิวซีแลนด์กำลังย่ำแย่ลง โดยชาวเมารีและคนหนุ่มสาวที่ยากจนได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่งผลให้มีการเรียกร้องการทำงานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟื้นตัว
กลุ่มนักเขียนวิจัยกล่าวว่าการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นในหมู่วัยรุ่นนิวซีแลนด์ และอัตราการฆ่าตัวตายของคนหนุ่มสาวในนิวซีแลนด์ถือเป็นหนึ่งในสถิติที่สูงที่สุดของโลกที่พัฒนาแล้ว
การวิจัยเผยว่ากลุ่มคนอายุ 15-24 ปีมากกว่าหนึ่งในห้าเผชิญกับความเครียดทางจิตใจเป็นอย่างมากในปี 2022 และ 2023 พร้อมกล่าวถึงวิธีการที่จะช่วยตระเตรียมให้คนหนุ่มสาวพร้อมรับมือกับแรงกดดันมากมาย รวมถึงบทบาทของผู้ปกครอง โรงเรียน ชุมชน และผู้กำหนดนโยบายในการช่วยผลักดันประชากรวัยนี้
อาการของโรคซึมเศร้าในหมู่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 13 ในปี 2012 เป็นร้อยละ 23 ในปี 2019 ขณะสัดส่วนของนักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์มีสุขภาวะเชิงบวกลดลงจากร้อยละ 76 เหลือร้อยละ 69
คณะนักวิจัยจากศูนย์การเรียนรู้เพื่ออนาคตประจำมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ซึ่งเป็นคลังสมองด้านการพัฒนาเด็ก กล่าวว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนในการบ่มเพาะความสามารถการฟื้นตัวในเด็ก เริ่มตั้งแต่ศูนย์การศึกษาปฐมวัยจนถึงโรงเรียนมัธยมปลาย เพื่อรับรองว่าพวกเขาสามารถก้าวข้ามผ่านความทุกข์ยากได้อย่างปลอดภัย
เฟลิเซีย โลว์ และซึงยอน คิม สมาชิกนักวิจัย เรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายสนับสนุนโครงการที่เสริมสร้างความสามารถในการฟื้นตัว ซึ่งรวมถึงการทำงานของระบบรู้คิด กลยุทธ์การแก้ไขปัญหา การสื่อสาร ทักษะการเข้าสังคมและการควบคุมตนเอง พร้อมเสริมว่าการมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงและคอยสนับสนุนกับผู้ดูแลหรือเพื่อนฝูงถือเป็นสิ่งสำคัญ
กลุ่มนักเขียนวิจัยยังกล่าวอีกว่าสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้สุขภาพจิตของคนหนุ่มสาวย่ำแย่ลงนั้นมีมากมาย อาทิ การสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นความเครียดในช่วงก่อนคลอดและตอนเป็นทารก การเปลี่ยนผ่านที่ยากลำบากจากเด็กสู่วัยรุ่น สถานการณ์ครอบครัวหรือความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ซับซ้อน และการเลือกปฏิบัติ