(แฟ้มภาพซินหัว : อาคารคณะกรรมาธิการยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม วันที่ 4 ต.ค. 2024)
บรัสเซลส์, 24 ม.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) เอ็มเบอร์ (Ember) หน่วยงานคลังสมองด้านพลังงาน รายงานว่าพลังงานแสงอาทิตย์ครองสัดส่วนในส่วนประสมการผลิตไฟฟ้าของยุโรปมากกว่าถ่านหินเป็นครั้งแรกในปี 2024 ขณะก๊าซธรรมชาติครองสัดส่วนลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 5
รายงานระบุว่าพลังงานหมุนเวียนครองสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 ในปี 2019 เป็นร้อยละ 47 ในปี 2024 เพราะการขยายตัวของพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ขณะฟอสซิลครองสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 39 ในปี 2019 จนแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 29 ในปี 2024
ภาคพลังงานแสงอาทิตย์กำลังเติบโตในทุกประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ขณะถ่านหินกำลังมีบทบาทลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2023
ขณะเดียวกันการใช้ก๊าซธรรมชาติทั้งหมดของสหภาพยุโรปลดลงร้อยละ 20 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยราว 1 ใน 3 ของการลดลงนี้เกิดขึ้นในภาคการผลิตไฟฟ้า
ปัจจุบันพลังงานนิวเคลียร์ครองสัดส่วนร้อยละ 23.7 ของการผลิตไฟฟ้าในสหภาพยุโรป ตามด้วยพลังงานลม (ร้อยละ 17.4) ก๊าซธรรมชาติ (ร้อยละ 15.7) พลังงานน้ำ (ร้อยละ 13.2) พลังงานแสงอาทิตย์ (ร้อยละ 11.1) และถ่านหิน (ร้อยละ 9.8) ส่วนที่เหลือมาจากพลังงานชีวภาพและแหล่งพลังงานอื่นๆ
แม้การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวมีความก้าวหน้า แต่ราคาพลังงานในสหภาพยุโรปยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อปี 2024 ราคาก๊าซขายส่งโดยเฉลี่ยในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปสูงกว่าของสหรัฐฯ เกือบ 5 เท่า ขณะราคาไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรมสูงกว่าราว 2.5 เท่า
สหรัฐฯ เป็นผู้จัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลวรายใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป โดยรายงานของยูเอสเอแฟคส์ (USAFacts) เมื่อเดือนกันยายน 2024 ระบุว่า 3 ใน 4 ของการผลิตพลังงานในสหรัฐฯ มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ขณะพลังงานหมุนเวียน พลังงานนิวเคลียร์ และก๊าซธรรมชาติเหลวรวมกันครองสัดส่วนที่เหลือ
อนึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เพื่อแสดงเจตจำนงของประเทศในการถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส
ต่อมาวันอังคาร (21 ม.ค.) เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ลาเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ออกมาระบุว่าทุกทวีปจำเป็นต้องแบกรับภาระที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงไม่มีทางที่จะเพิกเฉยได้ โดยข้อตกลงปารีสยังคงเป็นความหวังของมนุษยชาติ ยุโรปจะเดินหน้าตามแนวทางนี้ต่อไป พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อหยุดภาวะโลกร้อน