ฮิวสตัน, 2 ก.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (1 ก.ค.) ทำเนียบขาวและกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่าคณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระงับความช่วยเหลือทางทหารบางส่วนแก่ยูเครน หลังจากมีการตรวจสอบคลังอาวุธของสหรัฐฯ เองแล้ว
แอนนา เคลลี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่ามตินี้เป็นไปตามนโยบายที่มุ่งให้ผลประโยชน์แก่อเมริกาเป็นอันดับแรก ภายหลังจากตรวจสอบการให้การสนับสนุนทางทหารและความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ขณะที่สื่อสหรัฐฯ หลายแห่งระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าคลังอาวุธของกองทัพสหรัฐฯ กำลังลดน้อยลง
เมื่อเดือนมิถุนายน พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ สั่งการให้ตรวจสอบคลังอาวุธของสหรัฐฯ หลังจากที่ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนมาเป็นเวลาสามปี รวมถึงจากเหตุการณ์การโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน และการโจมตีอิหร่านเร็วๆ นี้
ทรัมป์เผยกับผู้สื่อข่าวหลังการพบปะกับโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระหว่างการประชุมสุดยอดนาโต ณ กรุงเฮก เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยระบุว่ายูเครนต้องการระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต (Patriots) จากสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ จะพิจารณาดูว่าจะสามารถจัดหาให้ได้หรือไม่เพราะฝ่ายสหรัฐฯ ต้องการอาวุธนี้เช่นเดียวกัน
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่านี่เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลทรัมป์อาจลดความช่วยเหลือต่อยูเครนลงเพิ่มเติม โดยเฮกเซธไม่ได้เข้าร่วมการประชุมของกลุ่มนานาชาติเพื่อประสานงานความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ไม่เข้าร่วมประชุม
ด้านสำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่าสหรัฐฯ มอบอาวุธและความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน รวมแล้วกว่า 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.13 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนปะทุขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022
(แฟ้มภาพซินหัว : ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ วันที่ 9 ต.ค. 2023)