(แฟ้มภาพซินหัว : คนเดินข้ามถนนในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 5 ม.ค. 2025)
นิวยอร์ก, 23 ม.ค. (ซินหัว) -- กรณีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิด ซึ่งมอบให้ทารกที่เกิดจากผู้อยู่อาศัยชั่วคราวจำนวนมากในสหรัฐฯ รวมถึงผู้พำนักอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย ถือเป็นการปฏิเสธสิทธิอันเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มานานมากกว่า 150 ปี
เมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) เดอะนิวยอร์กไทมส์รายงานว่าหากศาลยุติธรรมในสหรัฐฯ ไม่ระงับคำสั่งดังกล่าว ทารกเกิดใหม่จากผู้หญิงที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายหรือเป็นการชั่วคราว เช่น ผู้ถือวีซ่านักเรียนนักศึกษาหรือแรงงานบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูง จะไม่ได้รับการรับรองเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยอัตโนมัติ หากผู้เป็นพ่อไม่ใช่ผู้พำนักถาวร
ทีมผู้ช่วยของทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้กับทารกที่เกิดจากบุคคลที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย แต่สำนวนภาษาในคำสั่งที่ทรัมป์ลงนาม ซึ่งมีชื่อ "การคุ้มครองความหมายและคุณค่าของการเป็นพลเมืองอเมริกัน" กลับมีเนื้อหาลึกซึ้งกว่านั้นอย่างมาก
เดวิด ลีโอโพลด์ หัวหน้าฝ่ายการอพยพย้ายถิ่นฐานของบริษัทกฎหมายยูบี กรีนส์เฟลเดอร์ (UB Greensfelder) กล่าวว่านี่เป็นการโจมตีคนที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้อย่างถูกกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และสร้างประโยชน์แก่ประเทศ โดยเฉพาะคนที่ทำงานวิจัยล้ำสมัย นักวิจัย และคนที่มีส่วนช่วยเหลือสหรัฐฯ
ทั้งนี้ คำสั่งฝ่ายบริหารเกี่ยวกับสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิดระบุการปฏิเสธมอบสิทธิแก่ทารกที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่ได้เป็นพลเมืองหรือผู้พำนักถาวรที่มีกรีนการ์ด รวมถึงผู้หญิงที่เดินทางเข้ามาด้วยวีซ่านักเรียนนักศึกษา วีซ่าทำงาน หรือวีซ่าท่องเที่ยว หากผู้เป็นพ่อไม่ใช่พลเมืองหรือผู้พำนักถาวรตามกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้จะไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดของรัฐบาลสหรัฐฯ ออกเอกสารรับรองสถานะการเป็นพลเมืองสหรัฐฯ