(แฟ้มภาพซินหัว : โลโก้ของไมโครซอฟต์ในกรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร วันที่ 13 พ.ย. 2021)
นิวยอร์ก, 13 ธ.ค. (ซินหัว) -- บลูมเบิร์ก นิวส์ รายงานว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้ทุ่มเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อไตรมาส เพื่อเพิ่มพลังการประมวลผลที่จำเป็นต่อการพัฒนาและเดินเครื่องระบบปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) ในช่วงสองปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การเปิดตัวแชทจีพีที (ChatGPT) ส่งผลให้นักลงทุนมุ่งให้ความสำคัญกับเอไอมากกว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอื่นๆ ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
รายงานชี้ว่าสำหรับผลลัพธ์ในวงกว้างที่สุด เอไอจะเข้ามาแทนที่คนงานจำนวนมาก ช่วยให้นักวิจัยค้นพบยาช่วยชีวิต เอื้อให้หลายบริษัทขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ และปลดปล่อยประสิทธิภาพมหาศาลที่จะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัทในอนาคต ด้วยเหตุนี้ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเอไอจึงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดที่มีการเติบโตอย่างมากตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ทว่าแม้เอไอจะมีแนวโน้มที่ดี แต่กลับไม่ได้สร้างรายได้มากนักเมื่อเทียบกับต้นทุน
ผลสำรวจของบริษัทวิจัยแกลลัป (Gallup) เมื่อไม่นานนี้ พบว่ามีคนงานในสหรัฐฯ เพียงร้อยละ 4 ที่ใช้เอไอเป็นประจำทุกวัน โดยคนงานมากกว่า 2 ใน 3 บอกว่าไม่เคยใช้เอไอเลย ด้านดารอน อาเซโมกลู (Daron Acemoglu) นักเศรษฐศาสตร์ผู้คว้ารางวัลโนเบลพ่วงตำแหน่งศาสตราจารย์ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ แย้งว่าผู้คนทั่วไปมีความคาดหวังต่อการพัฒนาเอไอในแง่ดีเกินไป
รายงานระบุว่านักลงทุนบางส่วนเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแบบเดียวกับช่วงทศวรรษ 1990 เมื่ออินเทอร์เน็ตระยะแรกเข้ามาสร้างความฮือฮาแบบเดียวกันนี้ ทว่าการเปลี่ยนผ่านทางออนไลน์ดังกล่าวใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้มาก และสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ระหว่างราคาหุ้นและปัจจัยพื้นฐานจนนำไปสู่วิกฤตตลาดหุ้นในท้ายที่สุด
รายงานทิ้งท้ายว่าทุกวันนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างกำลังเดิมพันบางอย่างกับเอไออยู่ คุณเป็นเจ้าของกองทุนดัชนีเอสแอนด์พี 500 หรือเปล่า เงินจำนวน 1 ใน 3 ของคุณอาจอยู่ใน 8 บริษัทอย่างเอ็นวิเดีย (Nvidia) ไมโครซอฟต์ (Microsoft) และแอปเปิล (Apple) ซึ่งได้วางเดิมพันอนาคตบางส่วนไว้กับเอไอ ยังไม่รวมถึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างสาธารณูปโภคที่ได้รับประโยชน์จากศูนย์ข้อมูลที่กินไฟมหาศาลของเอไอ