ปักกิ่ง, 23 พ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (22 พ.ค.) เหมาหนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่าหลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 24-26 พ.ค. ตามคำเชิญของปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย
นอกจากนั้นหลี่เฉียงจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC)-จีน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 26-28 พ.ค. ตามคำเชิญของอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้
เหมาระบุว่าความสัมพันธ์จีน-อินโดนีเซีย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 75 ปี และพัฒนาอย่างมั่นคงพร้อมบรรลุผลลัพธ์อันดีผ่านความร่วมมืออันเป็นรูปธรรม โดยเมื่อปี 2024 ผู้นำของสองประเทศได้บรรลุฉันทามติสำคัญในการสร้างประชาคมจีน-อินโดนีเซียที่มีอนาคตร่วมกันพร้อมอิทธิพลระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับใหม่
หลี่เฉียงมีกำหนดการพบปะหารือกับคณะผู้นำของอินโดนีเซีย รวมถึงประธานาธิบดีปราโบโว ซึ่งจะหารือเชิงลึกเกี่ยวกับการกระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านในระดับสูง ขณะเดียวกันหลี่เฉียงจะเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนธุรกิจท้องถิ่นด้วย
จีนหวังจะสืบสานมิตรภาพดั้งเดิมกับอินโดนีเซีย กระชับความสามัคคีและความร่วมมือ และเสริมสร้างความร่วมมือ "5 เสาหลัก" ได้แก่ การเมือง เศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและวัฒนธรรม กิจการทางทะเล และความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
เหมาแสดงความหวังว่าทั้งสองประเทศจะเดินหน้าไปตามเส้นทางการสร้างความทันสมัยของประเทศเอง ร่วมกันเสริมสร้างความหมายของประชาคมจีน-อินโดนีเซียที่มีอนาคตร่วมกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่สันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคและทั่วโลกยิ่งขึ้น
สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ-จีน ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เหมากล่าวว่าทั้งอาเซียนและคณะมนตรีฯ จัดเป็นกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย สมาชิกสำคัญของกลุ่มประเทศโลกใต้ และหุ้นส่วนสำคัญในความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยจีนสนับสนุนมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนและข้อเสนอจัดการประชุมสุดยอดฯ ครั้งนี้
ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศและภูมิภาคในปัจจุบัน การที่ทั้งสามฝ่ายได้ร่วมหารือแผนการสร้างความสามัคคี ความร่วมมือ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรือง และส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันทั่วภูมิภาคนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เหมาเสริมว่าจีนมุ่งหวังขยายความร่วมมือด้านต่างๆ อันเป็นรูปธรรมกับประเทศอาเซียนและคณะมนตรีฯ ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบที่ส่งเสริมกันและกัน และบรรลุผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ร่วมคุ้มครองระบบการค้าพหุภาคี และปกป้องผลประโยชน์ร่วมของกลุ่มประเทศโลกใต้
(แฟ้มภาพซินหัว : การจราจรบนถนนสายหนึ่งในเมืองจาการ์ตาของอินโดนีเซีย วันที่ 5 พ.ค. 2025)