นิวยอร์ก, 3 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพุธ (2 ต.ค.) สำนักข่าวเอพีรายงานว่าการใช้ถุงยางอนามัยในหมู่วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งในสหรัฐฯ ลดลง เนื่องจากความก้าวหน้าทางการแพทย์หลายประการ ทั้งตัวเลือกการคุมกำเนิดระยะยาวและยาป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความกลัวการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ลดลง และระดับความรู้เรื่องเพศศึกษาที่ต่างกัน
รายงานระบุว่าวัยรุ่นในสหรัฐฯ มีเพศสัมพันธ์กันน้อยลง แต่กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งไม่ค่อยใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจำ โดยผู้มีอายุ 15-24 ปี ครองสัดส่วนครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคหนองในเทียม โรคหนองในแท้ และโรคซิฟิลิสรายใหม่ในปี 2022
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ยอมรับว่าถุงยางอนามัยยังคงเป็นเครื่องมืออันมีประสิทธิภาพในการใช้ควบคู่กับกลยุทธ์การป้องกันโรคที่ใหม่กว่า โดยแบรดลีย์ สโตเนอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของศูนย์ฯ เผยว่าคนบางกลุ่มใช้ถุงยางอนามัยลดลง แต่ถุงยางอนามัยยังคงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ดี
สโตเนอร์เสริมว่าถุงยางอนามัยนั้นหาง่าย ใช้ได้ตามต้องการ ราคาไม่แพง และสิ่งสำคัญที่สุดคือมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากใช้อย่างสม่ำเสมอและถูกต้อง
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้คนใช้เวลาเพลิดเพลินกับดอกซากุระที่สวนสาธารณะเซ็นทรัล พาร์ก ในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 17 มี.ค. 2024)