ซานฟรานซิสโก, 24 ก.ค. (ซินหัว) -- เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของสหรัฐฯ เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 (เมษายน-มิถุนายน) ของปี 2025 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 2.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.25 แสนล้านบาท) ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบปีต่อปี
รายงานระบุว่ากำไรขั้นต้นของไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 3.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.25 แสนล้านบาท) ลดลงร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปี 2024 ขณะที่กำไรต่อหุ้นลดลงเหลือ 33 เซนต์ (ราว 10.63 บาท) ต่อหุ้น จาก 40 เซนต์ (ราว 13 บาท) ต่อหุ้นในปี 2024 โดยรายได้จากธุรกิจยานยนต์อยู่ที่ 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.38 แสนล้านบาท) ลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบปีต่อปี
ช่วงไตรมาสสอง เทสลาผลิตรถยนต์รุ่นโมเดล 3 (Model 3) และโมเดล วาย (Model Y) รวม 396,835 คัน และส่งมอบรวม 373,728 คัน ขณะที่รถยนต์รุ่นอื่นๆ มีการผลิต 13,409 คัน และส่งมอบ 10,394 คัน
ทั้งนี้ โรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟคทอรีของเทสลา ยังคงเป็นศูนย์กลางการส่งออกหลักของบริษัทฯ และมีบทบาทในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเทสลาเปิดเผยว่าบริษัทฯ ยังเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดใช้งานระบบเอฟเอสดี (FSD) ซึ่งเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงของบริษัทฯ ในวงกว้างในจีน ภายในปี 2025 นี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล
บริษัทฯ ระบุว่าไตรมาสนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของเทสลา จากผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน สู่การเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ และบริการที่เกี่ยวข้อง
อนึ่ง เทสลาเริ่มให้บริการโรโบแท็กซี่ (Robotaxi) ครั้งแรกในเมืองออสติน รัฐเท็กซัสเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และเตรียมเริ่มการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีราคาย่อมเยาจำนวนมากในช่วงครึ่งหลัง (กรกฎาคม-ธันวาคม) ของปี 2025 ส่วนโครงการพัฒนารถกึ่งบรรทุกเทสลา เซมิ (Tesla Semi) และรถยนต์สองที่นั่งไซเบอร์แคบ (Cybercab) กำลังดำเนินต่อไป โดยมีแผนเข้าสู่การผลิตในปริมาณมากภายในปี 2026
(แฟ้มภาพซินหัว : พนักงงานทำงานในโรงงานกิกะแฟคทอรีของเทสลา เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน วันที่ 20 พ.ย. 2020)