ซิดนีย์, 16 ก.ค. (ซินหัว) -- การทดลองทางคลินิกจากศูนย์วิจัยยาและแอลกอฮอล์แห่งชาติของออสเตรเลีย สังกัดมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ เปิดเผยว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินมีประสิทธิภาพช่วยกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีรายได้น้อยให้เลิกบุหรี่ได้ เมื่อเทียบกับการกินหมากฝรั่งหรือลูกอมผสมนิโคตินสำหรับช่วยเลิกบุหรี่
กลุ่มคนสูบบุหรี่เป็นประจำทุกวันที่รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล จำนวนกว่า 1,000 คน ได้รับผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าหรือหมากฝรั่ง/ลูกอมผสมนิโคติน แบบสุ่มเป็นเวลา 8 สัปดาห์ โดยผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้รับข้อความให้กำลังใจเพื่อช่วยให้พวกเขาเลิกบุหรี่ได้
ไรอัน คอร์ทนีย์ หัวหน้าคณะนักวิจัยของศูนย์วิจัยฯ ระบุว่าหลังจากการศึกษาผ่านไปหกเดือน ร้อยละ 28.4 ของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ เมื่อเทียบกับผู้ใช้หมากฝรั่งหรือลูกอมผสมนิโคตินที่เลิกบุหรี่ได้เพียงร้อยละ 9.6
คอร์ทนีย์เผยว่าสถิตินี้คงที่ในทุกกลุ่มอายุ เพศ ระดับการพึ่งพานิโคติน และสถานะสุขภาพจิต พร้อมให้เหตุผลว่าอัตราความสำเร็จที่สูงขึ้นเหล่านี้เป็นผลมาจากแนวทางการทดลองตามสถานการณ์จริงที่ให้ผู้เข้าร่วมเลือกอุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้าและรสชาติของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเอง
คอร์ทนีย์สำทับว่าแม้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินจะไม่ใช่ "ยาวิเศษ" แต่สามารถให้ความหวังแก่ผู้ที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่ด้วยวิธีอื่นได้ เพราะมันทำให้ผู้ที่พยายามเลิกสูบได้ทั้งสารนิโคติน และสัมผัสประสบการณ์ที่คล้ายกับการสูบบุหรี่แบบเดิม
ผลการทดลองที่มีรายละเอียดอยู่ในวารสารวิชาการแอนนัลส์ ออฟ อินเทอร์นัล เมดิซีน (Annals of Internal Medicine) ที่เผยแพร่โดยอเมริกัน คอลเลจ ออฟ ฟิซิเชียนส์ ระบุว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีอัตราการสูบบุหรี่ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อยู่ที่ร้อยละ 8.8 แต่ผู้ใหญ่ที่ด้อยโอกาสทางสังคมยังคงสูบบุหรี่ในอัตราที่สูงกว่าผู้ใหญ่ที่มีฐานะดีกว่าถึงสามเท่า ซึ่งแม้จะมีแรงจูงใจที่คล้ายคลึงกันในการเลิก แต่ผู้ใหญ่ที่รายได้น้อยกว่ากลับเผชิญอุปสรรคและมีความเสี่ยงด้านสุขภาพมากกว่า
ทั้งนี้ แม้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เลิกบุหรี่ได้มากขึ้น แต่ร้อยละ 58 ของผู้เลิกบุหรี่ยังคงใช้บุหรี่ไฟฟ้าเมื่อสิ้นสุดการทดลอง โดยผู้เขียนย้ำว่าจำเป็นต้องมีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้คนเลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ด้วยในท้ายที่สุด เนื่องจากความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในระยะยาวนั้นยังไม่แน่ชัด
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้คนที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยออสเตรเลียในเมืองซิดนีย์ของออสเตรเลีย วันที่ 17 พ.ค. 2024)