(แฟ้มภาพซินหัว : นักเก็ตไก่จากพืชของบริษัทฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง ที่นำมาให้ทดลองชิมในนครกว่างโจว มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน วันที่ 28 เม.ย. 2020)
ลอสแอนเจลิส, 26 เม.ย. (ซินหัว) -- สื่อท้องถิ่นรายงานว่า แจ็คอินเดอะบ๊อกซ์ (Jack in the Box) แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ จากเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ทางตะวันตกของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อไม่นานนี้ว่ามีแผนจะปิดสาขาราวๆ 150-200 แห่ง
ปัจจุบันแจ็คอินเดอะบ๊อกซ์มีร้านประมาณ 2,200 สาขาใน 22 รัฐทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณแถบชายฝั่งตะวันตก รวมถึงมีหลายแห่งอยู่ในพื้นที่แถบแคลิฟอร์เนียตอนใต้ โดยซีอีโอของบริษัทระบุในแถลงการณ์ที่ออกมาในสัปดาห์นี้ว่า บริษัทกำลังเร่งสร้างกระแสเงินสดและชำระหนี้
เอ็นบีซี 7 (NBC 7) สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นในเมืองซานดิเอโก รายงานว่าแผนการปิดสาขาดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุงผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัท โดยจะมีการปิดสาขาระหว่าง 80-120 แห่งภายในสิ้นปี 2025 นี้
นอกจากนี้ บริษัทยังระบุว่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปจะ "ลดการใช้จ่าย" สำหรับการพัฒนาสาขาใหม่ลงอย่างมีนัยสำคัญ และจะพิจารณา "ทางเลือกเชิงกลยุทธ์" สำหรับอาหารฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ เดล ทาโก (Del Taco) อันรวมถึงความเป็นไปได้ในการขายธุรกิจ
ทั้งนี้ แจ็คอินเดอะบ๊อกซ์เข้าซื้อกิจการเดลทาโก ในปี 2022 ด้วยมูลค่าประมาณ 585 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว1.96 หมื่นล้านยบาท) โดยเดลทาโกปัจจุบันเป็นเชนอาหารฟาสต์ฟู้ดเม็กซิกัน-อเมริกันที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐฯ มีสาขาประมาณ 600 แห่ง