(แฟ้มภาพซินหัว : ประชาชนในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ร่วมชุมนุมประท้วงบนท้องถนน เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เช่น การปลดพนักงานครั้งใหญ่ การขึ้นภาษีศุลกากร และการผลักดันนโยบายขับไล่ผู้อพยพ บันทึกภาพวันที่ 19 เม.ย. 2025)
ซานฟรานซิสโก, 26 เม.ย. (ซินหัว) -- รัฐบาลทรัมป์ประกาศเมื่อวันศุกร์ (25 เม.ย.) ว่าจะกลับลำการยกเลิกสถานะทางกฎหมายของนักศึกษาชาวต่างชาติกว่า 1,200 คน ท่ามกลางกระแสปัญหาด้านกฎหมาย
เจ้าหน้าที่กฎหมายของรัฐเปิดเผยต่อศาลรัฐบาลกลางในเมืองโอกแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ว่าหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ (ICE) กำลังดำเนินการคืนสถานะของผู้ที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลนักเรียนและผู้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน (Student and Exchange Visitor Information System - SEVIS) ที่ได้ถูกยกเลิกสถานะทางกฎหมายไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทนายความของรัฐบาลรายหนึ่งยังได้แถลงในทำนองเดียวกัน ระหว่างการพิจารณาคดีหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยในถ้อยแถลงที่ไบรอัน กรีน ทนายความฝ่ายโจทก์มอบให้แก่สื่อ ระบุไว้ว่า หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองฯ กำลังวางนโยบายเพื่อกำหนดกรอบการยกเลิกสถานะในระบบฐานข้อมูลฯ และจนกว่าจะมีการประกาศใช้นโยบายดังกล่าว ข้อมูลในระบบฐานข้อมูลฯ ของโจทก์ในคดีนี้ (และผู้ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน) จะยังคงแสดงสถานะว่าได้รับอนุญาต หรือหากไม่ได้อยู่ในสถานะได้รับอนุญาตก็จะได้รับการฟื้นคืนสถานะ และหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองฯ จะไม่ทำการแก้ไขสถานะเพียงเพราะรายงานผลการตรวจสอบของศูนย์ข้อมูลอาชญากรรมแห่งชาติ (NCIC) อันเป็นสาเหตุของการยกเลิกสถานะในก่อนหน้านี้
ระบบฐานข้อมูล SEVIS คือฐานข้อมูลที่ใช้เพื่อติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขในวีซ่าของนักเรียนต่างชาติ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลอาชญากรรมแห่งชาติ ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลอาชญากรรมและข้อมูลการบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นมา มีนักเรียนต่างชาติถูกยกเลิกสถานะการเข้าประะเทศไปแล้วมากกว่า 1,200 คน
การยกเลิกสถานะเป็นวงกว้างดังกล่าวได้จุดกระแสการฟ้องร้องของนักศึกษาในหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ ทำให้ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางต้องออกคำสั่งห้ามชั่วคราวเพื่อหยุดการฟ้องร้องต่างๆ ที่เกิดขึ้น