ไห่โข่ว, 19 มิ.ย. (ซินหัว) -- ในน่านน้ำของเกาะทางตอนใต้ของจีน หอยมุกขนาดเท่าฝ่ามือจำนวนมากแขวนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่บนกรงเพาะเลี้ยง หอยมุกเหล่านี้มีชื่อว่าหอยมุกจาน (Pinctada maxima) ส่วนใหญ่พบได้ในน่านน้ำเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน และอยู่ภายใต้การคุ้มครองระดับที่สองของประเทศ
หอยมุกดังกล่าวมีบทบาทในการกรองสารอินทรีย์ออกจากน้ำทะเล และมีความต้องการทางระบบนิเวศมากเป็นพิเศษ มันต้องการสภาพน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ คลื่นลมน้อย และมีแพลงก์ตอนจำนวนมากสำหรับเป็นอาหาร อีกทั้งจะผลิตไข่มุกสีขาวสวยงาม ซึ่งมีชื่อเสียงไม่เพียงความเงางามดุจผ้าแพร แต่ยังแวววาวคล้ายเงินอีกด้วย
การเฝ้าติดตามทางสิ่งแวดล้อมได้ยืนยันว่าคุณภาพน้ำทะเลและความหนาแน่นของน้ำในพื้นที่ชายฝั่งของอำเภอปกครองตนเองชางเจียง กลุ่มชาติพันธุ์หลี มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน มีความเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเพาะเลี้ยงหอยมุกจาน นอกจากนี้ ลักษณะทางธรรมชาติที่ค่อนข้างปิดของพื้นที่ดังกล่าวช่วยป้องกันผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมภายนอก ส่วนกระแสน้ำที่นิ่งและสม่ำเสมอยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของหอยมุกและการก่อตัวของไข่มุกอีกด้วย
สิ่งแวดล้อมทางทะเลที่มีคุณภาพสูงของมณฑลไห่หนานทำให้สามารถเพาะเลี้ยงหอยมุกเหล่านี้ได้สำเร็จ และให้ผลผลิตเป็นไข่มุกเงางามหลายร้อยเม็ด โดยข้อมูลตัวเลขทางการล่าสุดระบุว่านับตั้งแต่ปี 2021 อำเภอปกครองตนเองแห่งนี้ได้ผลิตไข่มุกมากกว่า 500 เม็ด ซึ่งไข่มุกขนาดใหญ่ที่สุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 14 มิลลิเมตร
กู้จื้อเฟิง อาจารย์มหาวิทยาลัยไห่หนาน ได้ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับหอยมุกจานมาเป็นเวลานับทศวรรษ เขาอธิบายว่าการเพาะพันธุ์เทียมของหอยมุกเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีกว่าที่พวกมันจะสามารถผลิตไข่มุกได้
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวว่าปัจจุบันหอยมุกจานที่เพาะเลี้ยงในน่านน้ำแห่งนี้เจริญเติบโตเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่มีขนาดเปลือกตั้งแต่ 8-14 เซนติเมตร ไข่มุกที่พวกมันผลิตออกมามี 2 สี คือ สีขาวและสีทอง โดยไข่มุกขนาดใหญ่ที่สุดมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 14.04 มิลลิเมตร
สมาคมการค้าอัญมณีและเครื่องประดับแห่งประเทศจีน รายงานว่าตลาดไข่มุกในไห่หนานสะท้อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมไข่มุกของจีน โดยในปี 2023 ยอดจำหน่ายในตลาดไข่มุกของจีนสูงแตะ 3.5 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.6 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.83 เมื่อเทียบปีต่อปี และตลาดนี้ยังคงเติบโตแข็งแกร่งตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 18.09 ต่อปี