สหประชาชาติ, 14 มิ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันศุกร์ (13 มิถุนายน) ฟู่ชง ผู้แทนถาวรของจีนประจำสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องอิสราเอลหยุดสร้างความเสี่ยงภัยทางทหารในอิหร่านทันที หลังจากอิสราเอลดำเนินการโจมตีหลายเป้าหมายในอิหร่านจนสร้างความเสียหายแก่โรงงานนิวเคลียร์ รวมถึงมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต โดยจีนประณามการกระทำของอิสราเอล ซึ่งละเมิดอธิปไตย ความมั่นคง และบูรณภาพแห่งดินแดนของอิหร่าน
ฟู่เข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และกล่าวว่าจีนคัดค้านการเพิ่มความตึงเครียดและขยายความขัดแย้ง รวมถึงกังวลเกี่ยวกับผลพวงร้ายแรงที่อาจเกิดจากปฏิบัติการของอิสราเอลอย่างยิ่ง โดยการยกระดับความตึงเครียดในภูมิภาคอย่างกะทันหันไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใด จีนจึงเรียกร้องอิสราเอลหยุดสร้างความเสี่ยงภัยทางทหารทั้งหมดและหลีกเลี่ยงการทวีความตึงเครียด
ทั้งนี้ จีนเรียกร้องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ แก้ไขข้อพิพาทผ่านวิธีการทางการเมืองและการทูต รวมถึงร่วมรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
จีนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดจากสถานการณ์ปัจจุบันต่อการเจรจาทางการทูตเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยจีนมุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างสันติผ่านการเจรจา พร้อมคัดค้านการใช้กำลัง การคว่ำบาตรฝ่ายเดียวที่ผิดกฎหมาย และการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ด้วยอาวุธ
ฟู่เสริมว่าจีนสนับสนุนการเคารพสิทธิของอิหร่านในการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ ขณะอิหร่านเป็นภาคีของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงยืดเยื้อและสร้างสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาค โดยกาซาตกเป็นเป้าหมายถูกโจมตีและปิดล้อมมานาน ทำให้มีประชาชนติดค้างอยู่ในภัยพิบัติทางมนุษยธรรมที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งประชาคมระหว่างประเทศควรทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการหยุดยิงในกาซา ลดความตึงเครียดในภูมิภาค และยับยั้งการกระจายตัวของความขัดแย้งอย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มประเทศที่มีอิทธิพลเหนืออิสราเอลอย่างมีนัยสำคัญควรมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติควรใช้ประโยชน์จากทุกวิธีการที่ได้จากกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อรับประกันการดำเนินการตามข้อมติที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติตามบทบาทที่เหมาะสมในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
(แฟ้มภาพซินหัว : การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก วันที่ 13 มิ.ย. 2025)