ลิงค์ที่น่าสนใจ:
10 พฤษภาคม 2568
9621 Agnes Crossing, Lake Suzanneview, New Mexico Island 84604-9295.
วอชิงตัน, 31 ม.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาตำหนิอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนโยบายความหลากหลาย เท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ภายหลังเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส ชนกับเฮลิคอปเตอร์ทหารขณะกำลังลงจอด ณ ท่าอากาศยานแห่งชาติโรนัลด์ เรแกน วอชิงตัน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อคืนวันพุธ (29 ม.ค.) ที่ผ่านมา
ระหว่างการแถลงข่าว ทรัมป์กล่าวว่ารัฐบาลภายใต้การนำของโอบามาและไบเดนว่าจ้างบุคคลที่มี "ความบกพร่องทางสติปัญญาขั้นรุนแรง" มาเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ พร้อมพยายามโยนความผิดเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ให้กับอดีตผู้นำพรรคเดโมแครต ทว่าไม่ได้แสดงหลักฐานใดเมื่อถูกถามว่ามีหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากนโยบายความหลากหลายหรือไม่
"มันอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนั้น" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงความเกี่ยวข้องกับนโยบายข้างต้น โดยชี้ว่าเขาต้องการเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศที่หลักแหลมและฉลาดที่สุด
ทรัมป์ยกเลิกนโยบายความหลากหลายของรัฐบาลไบเดนอย่างรวดเร็วหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 20 ม.ค. พร้อมสำทับว่าเขาจะยกเลิกนโยบายของรัฐบาลที่พยายามกำหนดให้เชื้อชาติและเพศวิถีในวงสังคมเข้ามาอยู่ในทุกแง่มุมของสาธารณชนและชีวิตส่วนตัว และจะสร้างสังคมที่ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและยึดเอาคุณงามความดีเป็นหลัก
ในคำสั่งฝ่ายบริหารว่าด้วยความปลอดภัยทางการบินที่ลงนามเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ทรัมป์กล่าวว่าสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) ละเลยภารกิจของตนด้วยการส่งเสริมการเลือกปฏิบัติมากกว่าศักยภาพในการทำงาน โดยชี้ว่าการจ้างงานผิดกฎหมายและการเลือกปฏิบัติภายใต้นโยบายข้างต้น ซึ่งรวมถึงการพิจารณาจ้างงานโดยอิงจากเชื้อชาติ เพศ ความพิการ หรือเกณฑ์อื่นใดนอกเหนือจากความปลอดภัยของผู้โดยสาร ศักยภาพในการทำงาน และคุณสมบัติโดยรวมนั้นส่งผลเสียต่อชาวอเมริกันทุกคน
ทั้งนี้ ปัจจุบันการสอบสวนอุบัติเหตุดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งนำโดยคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ (NTSB)
(แฟ้มภาพซินหัว : โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวกรณีเหตุเครื่องบินชนกัน ณ ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ วันที่ 30 ม.ค. 2025)
