(แฟ้มภาพซินหัว : ประติมากรรมและธงชาติประเทศต่างๆ ที่สำนักงานใหญ่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโตในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม วันที่ 6 เม.ย. 2022)
บราติสลาวา, 20 พ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (19 พ.ย.) มาตุช ซูตัจ เอสตอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของสโลวาเกีย เตือนถึง "มหันตภัย" หากประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต (NATO) ถูกลากเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
รายงานระบุว่าการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศสโจมตีดินแดนของรัสเซียอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงจากรัสเซีย และยูเครนจะเป็นผู้เผชิญผลกระทบรายแรก โดยสงครามในยูเครนได้ทวีความรุนแรงขึ้นก่อนโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ
เอสตอกเผยว่าเมื่อไม่นานนี้ โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการยุติความขัดแย้งด้วยการทูต แต่ชาติตะวันตกกลับตอบรับด้วยการอนุญาตให้โจมตีดินแดนของรัสเซียด้วยขีปนาวุธของฝ่ายพันธมิตร ซึ่งนี่อาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการเจรจาสันติภาพ
อนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง ได้อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมายภายในดินแดนของรัสเซีย
ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซีย แถลงข่าวว่าหากมีการประจำการขีปนาวุธดังกล่าวจะเป็นการสร้างความตึงเครียดรอบใหม่และสถานการณ์ใหม่ที่สหรัฐฯ เข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งนี้ ซึ่งรัสเซียมีจุดยืนต่อเรื่องนี้ที่ชัดเจนอยู่แล้ว