(แฟ้มภาพซินหัว : สมาชิกทีมค้นหาและกู้ภัยแห่งประเทศจีน ร่วมกับทีมกู้ภัยพลเรือนแรมยูเนียน เรสคิว เคลื่อนย้ายผู้รอดชีวิตที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ออกจากซากปรักหักพังในเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมา วันที่ 31 มี.ค. 2025)
ปักกิ่ง, 1 เม.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (31 มี.ค.) กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่าจีนจะสานต่อมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและทำงานร่วมกับเมียนมาเพื่อฟันฝ่าความยากลำบาก หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.
กัวกล่าวข้อความข้างต้นขณะแถลงเกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านการบรรเทาทุกข์ที่จีนส่งมอบให้กับเมียนมา ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.9 ตามมาตราแมกนิจูดได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 2,056 ราย บาดเจ็บ 3,900 ราย และสูญหาย 270 ราย เมื่อนับถึงช่วงบ่ายของวันจันทร์ (31 มี.ค.) อีกทั้งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างหนัก
กัวกล่าวว่าจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ภัยพิบัติในเมียนมา โดยในข้อความที่สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ส่งถึงพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมา สีจิ้นผิงได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิต และแสดงความเสียใจอย่างจริงใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้
กัวระบุว่าทีมกู้ภัยจากมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เป็นทีมกู้ภัยนานาชาติชุดแรกที่เดินทางถึงพื้นที่แผ่นดินไหวในเมียนมาหลังจากเกิดแผ่นดินไหว 18 ชั่วโมง และสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ 1 คนร่วมกับทีมกู้ภัยท้องถิ่น พร้อมเสริมว่าทีมกู้ภัยจากทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั่วจีนได้เดินทางไปยังเมียนมาหรือจะเดินทางไปในเร็วๆ นี้
ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญในด้านแผ่นดินไหว ทีมกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ราว 400 คนจากจีนเข้าร่วมการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ในเมียนมา โดยทีมกู้ภัยจากจีนสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ 6 คนแล้ว
ขณะเดียวกัน จีนยังได้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉินแก่เมียนมาจำนวน 100 ล้านหยวน (ราว 469 ล้านบาท) โดยชุดสิ่งของที่จำเป็นเร่งด่วนชุดแรก อาทิ เต็นท์ ชุดปฐมพยาบาล และผ้าห่ม ได้ถูกส่งมอบถึงเมียนมาแล้ว และสภากาชาดจีนยังได้จัดส่งวัสดุช่วยเหลือภัยพิบัติไปยังเมียนมาด้วย
กัวระบุว่าจีนจะยังคงทำงานร่วมกับเมียนมาในการค้นหาผู้รอดชีวิต รักษาผู้บาดเจ็บ และจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ และมั่นใจว่ารัฐบาลและประชาชนของเมียนมาจะร่วมกันฝ่าฟันภัยพิบัติและฟื้นฟูประเทศได้อีกครั้ง ด้วยแรงสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ