(แฟ้มภาพซินหัว : โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือคำสั่งฝ่ายบริหารที่ลงนามแล้วที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ วันที่ 20 มี.ค. 2025)
วอชิงตัน, 21 มี.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเริ่มต้นกระบวนการยกเลิกกระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการตามขั้นตอนทางกฎหมายโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และจะคืนอำนาจบริหารจัดการการศึกษาแก่รัฐท้องถิ่น เนื่องจากกระทรวงฯ ไม่ได้สร้างประโยชน์แก่ประเทศ หากพิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาการอ่านและคณิตศาสตร์ของนักเรียนประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายที่อยู่ในระดับต่ำ
ทรัมป์เผยว่าภาระงานของกระทรวงฯ อย่างทุนการศึกษาเพลล์แกรนท์ส (Pell Grants) ทุนการศึกษาไตเติลวัน (Title I) และงบประมาณสนับสนุนเด็กพิการหรือมีความต้องการพิเศษ จะได้รับการคุ้มครองและกระจายไปยังหน่วยงานหรือกระทรวงอื่นๆ โดยเพลล์แกรนท์สเป็นความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลกลางที่ช่วยจ่ายค่าเล่าเรียนของนักศึกษาปริญญาตรีที่มีรายได้น้อย ส่วนไตเติลวันเป็นงบประมาณกลางที่จ่ายแก่เขตการศึกษาและโรงเรียนที่มีนักเรียนจากครอบครัวยากจนจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ร่วมจากเกรซ เม็ง ประธานกลุ่มสมาชิกรัฐสภาคองเกรสเชื้อสายเอเชีย-แปซิฟิก และมาร์ก ทากาโนะ ประธานคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการศึกษาของรัฐสภาคองเกรส ระบุว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์กำลังทำให้คนรุ่นใหม่ขาดแคลนทรัพยากรอันจำเป็นต่อการสร้างความสำเร็จเพื่อแลกกับการลดภาษีให้บรรดามหาเศรษฐี นี่เป็นการทรยศต่อนักเรียนนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงเป็นการตัดสินใจที่ขัดหลักกฎหมาย รัฐสภาคองเกรสต้องไม่ยอม
อนึ่ง การจัดตั้งหรือยกเลิกหน่วยงานรัฐบาลกลางจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาคองเกรสผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ หากทรัมป์ต้องการปิดกระทรวงฯ จะต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายในรัฐสภาคองเกรส แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาจะดำเนินการตามคำสั่งนี้อย่างไร โดยทรัมป์วิจารณ์กระทรวงฯ มาตลอดว่าแม้รัฐบาลกลางลงทุนด้านการศึกษามากมาย แต่คุณภาพการศึกษายังน่าผิดหวัง
ขณะเดียวกันทรัมป์ยังกล่าวหาว่ากระทรวงฯ เต็มไปด้วยบุคลากรที่มีอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายจนกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของ "พวกที่มีแนวคิดสุดโต่ง พวกคลั่งอุดมการณ์ และพวกลัทธิมาร์กซ์" ทั้งเชื่อว่าบุคลากรเหล่านี้ใช้อำนาจผ่านการชี้แนะและระเบียบข้อบังคับมากเกินควร เขาจึงสนับสนุนการคืนอำนาจบริหารจัดการการศึกษาแก่รัฐท้องถิ่นเพื่อหลีกเลี่ยงการช่วยเหลือแทรกแซงจากรัฐบาลกลางมากเกินไป
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้กระทรวงฯ ริเริ่มกระบวนการลดจำนวนบุคลากรขนานใหญ่ โดยสื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ รายงานว่าเดิมทีกระทรวงฯ มีพนักงาน 4,000 คน และวางแผนจะตัดลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง โดยเมื่อวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) ทรัมป์กล่าวว่าการลดจำนวนบุคลากรดังกล่าวประสบความสำเร็จ