(แฟ้มภาพซินหัว : หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้าร่วมงานแถลงข่าวเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศและความสัมพันธ์ภายนอกของจีน นอกรอบการประชุมครั้งที่ 3 ของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ชุดที่ 14 ในกรุงปักกิ่งของจีน วันที่ 7 มี.ค. 2025)
ปักกิ่ง, 7 มี.ค. (ซินหัว) -- วันศุกร์ (7 มี.ค.) หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงข่าวนอกรอบการประชุมสภานิติบัญญัติระดับชาติว่าประวัติศาสตร์และความจริงยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของจีน และปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 80 ปี การฟื้นฟูไต้หวัน
หวังอี้กล่าวว่าชัยชนะจากสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนทำให้ไต้หวันกลับมาอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของจีนในปี 1945 ขณะทั้งปฏิญญาไคโรและปฏิญญาพอตส์ดัม ซึ่งออกโดยกลุ่มประเทศชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบุชัดเจนว่าไต้หวันเป็นดินแดนที่ญี่ปุ่นขโมยจากจีนและต้องคืนสู่จีน โดยญี่ปุ่นยอมรับเงื่อนไขของปฏิญญาพอตส์ดัมและประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งหมดนี้ยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน และเป็นส่วนสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศยุคหลังสงคราม
ข้อมติที่ 2758 ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติรับรองในปี 1971 ได้แก้ไขประเด็นการเป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด รวมถึงไต้หวัน ในองค์การสหประชาชาติ และตัดความเป็นไปได้ในการสร้าง "สองจีน" หรือ "จีนเดียว ไต้หวันเดียว" โดยการอ้างอิงถึงภูมิภาคไต้หวันในองค์การสหประชาชาติคือ "ไต้หวัน มณฑลของจีน" ดังนั้นไต้หวันไม่เคยเป็นประเทศ ไม่ว่าในอดีตหรืออนาคต
ขณะการเรียกร้อง "เอกราชไต้หวัน" เท่ากับแบ่งแยกประเทศ การสนับสนุน "เอกราชไต้หวัน" เท่ากับแทรกแซงกิจการภายในของจีน และการสมรู้ร่วมคิดเกี่ยวกับ "เอกราชไต้หวัน" เท่ากับบ่อนทำลายเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน
หวังอี้เน้นย้ำการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศควรหมายถึงการสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสมบูรณ์ของจีน และการยึดมั่นหลักการจีนเดียวควรหมายถึงการต่อต้าน "เอกราชไต้หวัน" ทุกรูปแบบ ส่วนการแสวงหา "เอกราชไต้หวัน" จะประสบกับผลกระทบย้อนกลับ และการใช้ไต้หวันควบคุมจีนจะเป็นความพยายามที่ไร้ผล เพราะจีนจะบรรลุการรวมชาติ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้