(แฟ้มภาพซินหัว : ภาพยนตร์ "ออปเพนไฮเมอร์" ผลงานกำกับโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน ได้รับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ณ งานเทศกาลภาพยนตร์ไก่ทองคำแห่งประเทศจีน ครั้งที่ 37 ในเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกของจีน วันที่ 16 พ.ย. 2024)
นิวยอร์ก, 3 ธ.ค. (ซินหัว) -- สื่อสหรัฐฯ รายงานว่าปัจจุบันจำนวนผู้คนที่ไปโรงภาพยนตร์และเลือกดูหนังเรื่องใดก็ได้เท่าที่มีรอบฉายอยู่ หรือ "กลุ่มคนดูภาพยนตร์ไปเรื่อย" (casual moviegoing) กำลังลดน้อยลง โดยเฉพาะนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดใหญ่ ซึ่งกระทบต่ออัตรากำไรของโรงภาพยนตร์ที่ยังคงต้องดิ้นรนเพื่อดึงผู้ชมกลับมา
"พวกเขาเป็นกลุ่มผู้ชมที่มีศักยภาพมากที่สุด เราจำเป็นต้องมีภาพยนตร์หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ และสร้างการรับรู้" รายงานระบุ แต่ในความเป็นจริงนั้นตอนนี้บรรดาโรงภาพยนตร์ไม่ใช่แค่ไม่มีภาพยนตร์เพียงพอจะดึงดูดผู้คน แต่ภาพยนตร์ที่มีอยู่มักฉายในโรงไม่นานพอให้ผู้คนค้นพบด้วยซ้ำ
กลุ่มคนดูภาพยนตร์ไปเรื่อยถือเป็นส่วนสำคัญของตลาด ส่วนกลุ่มคนดูภาพยนตร์เป็นประจำ หรือกลุ่มคนดูภาพยนตร์ทุกประเภทอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน ครองสัดส่วนราวร้อยละ 12-15 ของรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ (box office) ทำให้ยังเหลือพื้นที่อีกมากสำหรับกลุ่มคนดูภาพยนต์แบบแวะดูไปเรื่อย
รายงานเผยว่ารายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ยังคงไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคระบาดใหญ่ โดยก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 รายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ของสหรัฐฯ มักกวาดรายได้กว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.44 แสนล้านบาท) ต่อปี ส่วนปี 2024 คาดว่าจะมีรายได้ราว 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.92 แสนล้านบาท)
รายงานระบุเพิ่มเติมว่าการมีภาพยนตร์หลากหลายประเภทติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิศสามารถดึงดูดผู้ชมเพิ่มมากขึ้น โดยภาพยนตร์ระดับกลาง ซึ่งกวาดรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์รวม 50-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.72-3.44 พันล้านบาท) นั้นพบเห็นได้ยากมากขึ้นในปัจจุบัน และหากพิจารณาจากประเภทภาพยนตร์ ภาพยนตร์แนวดราม่าและโรแมนติกคอมเมดี้นั้นหาชมในโรงภาพยนตร์ได้ยากกว่าเมื่อก่อน