นิวยอร์ก, 22 พ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) เดอะนิวยอร์กไทมส์รายงานว่าผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ 3 ราย ได้แก่ ฟอร์ด (Ford) เจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors) หรือจีเอ็ม และสเตลแลนทิส (Stellantis) กำลังหารือร่วมกับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นๆ ถึงการเรียกร้องให้โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ไม่ยกเลิกกฎระเบียบของรัฐบาลกลางที่มุ่งผลักดันให้อุตสาหกรรมรถจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า
รายงานระบุว่าการหารือนี้จะต้องใช้ชั้นเชิงในการเจรจาต่อรอง เนื่องจากทรัมป์ต่อต้านต่อกฎระเบียบเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจำกัดปริมาณมลพิษจากท่อไอเสียอย่างเคร่งครัด ทั้งยังเพิ่มมาตรฐานการประหยัดน้ำมัน โดยกฎระเบียบเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ผลิตรถผลิตยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และเป็นเสาหลักในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ทรัมป์เผยว่ากฎระเบียบดังกล่าวเป็นคำสั่งของพรรคเดโมแครตที่จะขัดขวางไม่ให้ชาวอเมริกันซื้อยานยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงตามที่ต้องการ ซึ่งข้อคิดเห็นนี้เป็นความกังวลของกลุ่มผู้ที่บริจาคเงินให้โครงการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมน้ำมัน
นอกจากนั้นทรัมป์ยังไม่พอใจต่อผู้ผลิตรถยนต์บางรายที่เขามองว่าทรยศต่อตน เนื่องจากในช่วงที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ผู้ผลิตยานยนต์เหล่านี้สนับสนุนกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษของยานยนต์ที่เป็นมรดกมาจากในยุคของบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ
รายงานระบุว่าผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่จากบริษัทผลิตยานยนต์หลายแห่งเปิดเผยว่าผู้ผลิตยานยนต์ต้องการให้กฎระเบียบดังกล่าวของไบเดนยังคงเดิมไว้เป็นส่วนใหญ่ และเปลี่ยนแปลงเพียงบางอย่าง อาทิ มีเวลามากขึ้นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และลดโทษสำหรับบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งไพ่ใบสุดท้ายในการเจรจานี้คืออีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา (Tesla) ซึ่งมียอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ถึงครึ่งหนึ่ง
อนึ่ง การขนส่งเป็นภาคส่วนในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ผลิตก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด ซึ่งเป็นมลพิษที่ก่อภาวะโลกร้อนอย่างอันตราย โดยรัฐบาลของโอบามาเป็นรัฐบาลแรกที่จำกัดการปล่อยมลพิษดังกล่าวจากท่อไอเสีย ก่อนจะถูกทรัมป์ลบล้างในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก
(แฟ้มภาพซินหัว : รถยนต์เทสลาที่ลานจอดรถในเมืองซานบรูโน รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ วันที่ 2 เม.ย. 2024)