หลานโจว, 16 มิ.ย. (ซินหัว) – มาร์ติน วูสเลอร์ (Martin Woesler) นักวิชาการด้านจีนศึกษาชาวเยอรมัน ผู้มีชื่อเสียงจากการศึกษาวรรณกรรมจีนอย่างลึกซึ้ง เดินทางเยือนเมืองตุนหวง ศูนย์กลางเส้นทางสายไหมโบราณในมณฑลกานซู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเป็นครั้งแรก ซึ่งเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และเป็นเจ้าภาพการประชุมการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอารยธรรม ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 29–31 พ.ค. ที่ผ่านมา
วูสเลอร์เดินทางจากมหาวิทยาลัยครูหูหนานที่เขากำลังสอนอยู่ในปัจจุบัน โดยทำการบ้านอย่างดีด้วยการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตุนหวงจากหนังสือ รวบรวมความประทับใจเกี่ยวกับเมืองกลางทะเลทรายที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์แห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ และเมื่อได้สัมผัสของจริงด้วยตาตนเอง เขารู้สึกประทับใจอย่างมาก เพราะแม้จะใช้ชีวิตในจีนมายาวนานกว่า 30 ปี แต่นี่คือประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่ยากจะหาใครเหมือน
หนึ่งในสถานที่ที่สร้างความประทับใจที่สุดในการเยือนครั้งนี้ คือ ถ้ำหินแกะสลักโม่เกา ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "วิหารแห่งวัฒนธรรมที่หลากหลาย" ภายในถ้ำประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ผสมผสานเรื่องราวจากหลากหลายอารยธรรม ทั้งเทพเจ้ากรีกอย่างอพอลโลและไดอานา ตำนานจีนอย่างฝูซีและหนี่ว์วา นางอัปสราบินจากศาสนาพุทธของอินเดีย ไปจนถึงเซียนจากลัทธิเต๋า หลอมรวมอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน วูสเลอร์กล่าวว่านี่คือปาฏิหาริย์ทางวัฒนธรรมที่มีอายุนับพันปีในตุนหวง แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันของความหลากหลาย
“ตุนหวงเป็นสถานที่ที่น่าอัศจรรย์ มีไม่กี่แห่งในโลกที่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมลึกซึ้งเท่านี้” วูสเลอร์เชื่อว่าแม้เวลาจะผ่านไปหลายพันปี ผู้คนจากหลากหลายประเทศก็ยังสามารถเรียนรู้และได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณแห่งความเปิดกว้างและการเรียนรู้ร่วมกันของตุนหวง
จุดเริ่มต้นของเส้นทางชีวิตที่เกี่ยวพันกับวัฒนธรรมจีนของวูสเลอร์ ย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน ขณะยังอยู่ที่บ้านเกิดในเมืองมุนสเตอร์ ประเทศเยอรมนี เขาได้อ่านบทกวีจีนบทหนึ่งที่สร้างความประทับใจจนจุดประกายความสนใจในวรรณกรรมจีน และต่อมาเขาได้ตัดสินใจศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมจีนที่อุทิศตนเพื่อเชื่อมโยงสองวัฒนธรรมมายาวนานหลายทศวรรษ
วูสเลอร์มองว่าการแปลเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เขาจึงได้จัดตั้งเวิร์กช็อปแปลวรรณกรรมจีน โดยเปิดโอกาสให้นักจีนศึกษาชาวเยอรมันได้มีส่วนร่วมในการแปลวรรณกรรมจากภาษาจีนเป็นภาษาเยอรมัน เพื่อแก้ไขปัญหางานแปลจีนที่ยังมีอยู่น้อยในต่างประเทศ และเพื่อขยายความเข้าใจวรรณกรรมจีนให้ไปไกลข้ามพรมแดน
การเดินทางสู่ตุนหวงในครั้งนี้ ยังทำให้เขาตระหนักถึงบทบาทของเทคโนโลยีในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม วูสเลอร์เสนอว่า การจัดแสดงแบบเสมือนจริงและการเก็บรักษาข้อมูลดิจิทัล คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้คนในยุคใหม่เข้าถึงมรดกโบราณได้มากขึ้น และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างอารยธรรมได้
“ทุกวันนี้ ในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้คนควรเปิดใจกว้างต่อความแตกต่างทางวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างอารยธรรมให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย” วูสเลอร์กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา https://en.imsilkroad.com/p/345946.html
(แฟ้มภาพซินหัว : นักแสดงทำการแสดงในหัวข้อวัฒนธรรมตุนหวงในพิธีเปิดการประชุมการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอารยธรรม ครั้งที่ 4 ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2025)