ปักกิ่ง, 23 ธ.ค. (ซินหัว) -- การค้าการบริการของจีนยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย 10 เดือนแรกของปี 2024 จีนมีมูลค่าการนำเข้าและส่งออกบริการรวมกันทะลุ 6.12 ล้านล้านหยวน (ราว 28.69 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 เมื่อเทียบปีต่อปี

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าแรงผลักดันนี้มาจากการพัฒนาอุตสาหกรรมบริการของจีนที่มีคุณภาพสูง ซึ่งได้รับการขับเคลื่อนจากเขตนำร่องแห่งต่างๆ ที่ขยายการเปิดเสรี สนับสนุนการค้าการบริการ และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

จีนได้จัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องแห่งแรกที่ปักกิ่ง ตามมาด้วยเทียนจิน เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง และไห่หนานในปี 2021 ส่วนในปี 2022 มีการจัดตั้งเพิ่มเติมที่เสิ่นหยาง หนานจิง หางโจว อู่ฮั่น กว่างโจว และเฉิงตูในปี 2022 เขตเหล่านี้ได้สำรวจแนวปฏิบัติและประสบการณ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติตามได้ พร้อมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น บัญชีคาร์บอนต่ำในอู่ฮั่น มาตรฐานสิทธิบัตรในกว่างโจว และแพลตฟอร์มบล็อกเชนข้ามพรมแดนสำหรับการขนส่งรูปแบบผสมในเฉิงตู

ความพยายามในการขยายการเปิดเสรีของอุตสาหกรรมบริการ รวมถึงการลดข้อจำกัดการเข้าถึงตลาด และการออกรายการลดข้อจำกัดสำหรับ 6 เมืองนำร่อง ส่งผลให้เกิดการก่อตั้งธุรกิจใหม่ๆ เช่น บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวที่มีการลงทุนจากต่างประเทศในเสิ่นหยาง ซึ่งลงทุนร่วมโดยบริษัทจากออสเตรเลีย นอกจากนี้ก็ยังมีสำนักงานกฎหมายร่วมแห่งแรกในหนานจิงที่มีหุ้นส่วนจากเจียงซูและฮ่องกง

เขตนำร่องเหล่านี้ได้ประสบความสำเร็จที่น่าทึ่ง โดยในเดือนกันยายน กว่างโจวได้ดำเนินการภารกิจไปแล้ว 121 จาก 130 ภารกิจ และใน 10 เดือนแรก มีการก่อตั้งธุรกิจใหม่ที่ได้รับการลงทุนจากต่างประเทศ 6,697 แห่งในภาคบริการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 เมื่อเทียบปีต่อปี

ด้านหางโจวดึงดูดทุนต่างชาติได้ 4.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.18 หมื่นล้านบาท) ในครึ่งแรกของปี 2024 มากที่สุดเป็นอันดับสองในหมู่เมืองใหญ่ของจีน ส่วนหนานจิงมีการใช้ทุนต่างประเทศจริงในอุตสาหกรรมบริการถึง 2.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.04 หมื่นล้านบาท) ใน 9 เดือนแรก คิดเป็นร้อยละ 83.4 ของทุนรวมของหนานจิง

ในอนาคตจีนจะสนับสนุนการค้าการบริการและการเปิดเสรีเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างบทบาทเครื่องยนต์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ

(เรียบเรียงโดย Li Shimeng, Xinhua Silk Road, https://en.imsilkroad.com/p/343659.html)

บทความก่อนหน้า

ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ‘รถไฟจีน-ลาว’ พัฒนาอย่างรวดเร็ว

บทความถัดไป

รายงานชี้ ‘สายด่วนเบอร์ลิน 115’ ขึ้นแท่นผู้นำพัฒนาบริการด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ