หนานหนิง, 12 ส.ค. (ซินหัว) -- เมื่อไม่นานนี้ วารสารประวัติศาสตร์โลกและความหลากหลายทางชีวภาพ (Earth History and Biodiversity) เผยแพร่ผลการศึกษาที่นำโดยสิงลี่ต๋า นักบรรพชีวินวิทยาและรองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยธรณีศาสตร์แห่งประเทศจีน (ปักกิ่ง) และโม่จิ้นโหยว นักวิจัยจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติกว่างซี ซึ่งระบุการค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ที่อยู่ตอนใต้สุดของจีน ทำให้เกิดข้อมูลเชิงลึกใหม่เกี่ยวกับระบบนิเวศของจีนตอนใต้ในมหายุคมีโซโซอิก
ผลการศึกษานี้ขยายขอบเขตการค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ในจีนไปถึงชายฝั่งอ่าวเป่ยปู้ ซึ่งอยู่ที่ละติจูด 21 องศาเหนือ และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีนในปัจจุบัน โดยรอยเท้าเหล่านี้ถูกค้นพบปี 2021 ระหว่างก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองตงซิง ประกอบด้วยรอยเท้าไดโนเสาร์เทอโรพอด 7 รอย บนแผ่นหินขนาด 4 ตารางเมตร บ่งชี้ว่าไดโนเสาร์กินเนื้อที่เดินสองขาทิ้งร่องรอยในพื้นที่ชายฝั่งจีนตอนใต้
คณะนักวิจัยสามารถจำแนกรอยเท้าไดโนเสาร์ที่แตกต่างกัน 2 ประเภท โดยรอยเท้าประเภทเอ (A) มีสภาพค่อนข้างดี ความยาวมากกว่าความกว้าง เป็นของไดโนเสาร์เทอโรพอดขนาดกลางที่น่าจะมีความยาวจากปลายจมูกถึงปลายหางราว 3-4 เมตร มีนิ้วแยกออกเป็นรูปตัววี (V) และรอยส้นเท้าชัดเจน ซึ่งรอยเท้าเหล่านี้คล้ายกับที่พบในนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน บ่งชี้ความเชื่อมโยงกับไดโนเสาร์นักล่าที่ว่องไวในแอ่งซื่อชวน (เสฉวน)
ส่วนรอยเท้าประเภทบี (B) น่าจะเป็นของไดโนเสาร์นักล่าขนาดใหญ่กว่ามาก อาจมีความยาวจากปลายจมูกถึงปลายหางมากกว่า 6 เมตร ทำให้อาจเป็นไดโนเสาร์ในกลุ่มอัลโลซอริด (allosaurid) หรือเมกาโลซอริด (megalosaurid)
โม่กล่าวว่าการค้นพบครั้งนี้ยืนยันการมีอยู่ของนักล่าระดับสูงในยุคจูราสสิกตอนกลาง-ตอนปลายในกว่างซี แต่จำนวนรอยเท้าที่มีจำกัดและขาดรายละเอียดของรอยอุ้งนิ้วเท้า ทำให้การจำแนกอย่างแม่นยำทำได้ยาก ทว่าการขุดค้นเพิ่มเติมและการสร้างแบบจำลองสามมิติในอนาคตอาจช่วยเพิ่มความกระจ่างชัดเจน
ผลการศึกษานี้ยังเปรียบเทียบแหล่งฟอสซิลในกว่างซี 14 แห่ง กับแหล่งฟอสซิลในแอ่งซื่อชวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งพบไดโนเสาร์สายพันธุ์คล้ายกันจากยุคจูราสสิกตอนกลาง-ตอนปลาย บ่งชี้ความเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์ระหว่างสองภูมิภาคนี้ในสมัยโบราณ
นอกจากนั้นผลการศึกษานี้เน้นย้ำความสอดคล้องอย่างมากระหว่างฟอสซิลจากยุคครีเทเชียสตอนต้นจากชั้นหินซินหลงในแอ่งน่าพ่ายของอำเภอฝูสุยในกว่างซีกับฟอสซิลที่ค้นพบจากชั้นหินโคกกรวดในไทย ซึ่งสนับสนุนแนวคิดเกี่ยวกับการมีอยู่ของภูมิภาคชีวภูมิศาสตร์ตอนใต้ร่วมกันในจีนตอนใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงปลายยุคครีเทเชียสตอนต้น
เหอกวน เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ไดโนเสาร์โอดีสซีย์ในกว่างซี กล่าวว่าการค้นพบในเมืองตงซิงเป็นแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ถูกบันทึกข้อมูลอย่างเป็นทางการแห่งแรกของกว่างซี และยืนยันการมีอยู่ของไดโนเสาร์ตามแนวชายฝั่งตอนใต้ของจีน รวมถึงเป็นเกณฑ์อ้างอิงความสัมพันธ์ของชั้นหินจูราสสิก-ครีเทเชียสทั่วจีนตอนใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สิงเสริมว่าการค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงขยายขอบเขตการกระจายตัวของไดโนเสาร์ในจีน แต่เสริมสร้างความเชื่อมโยงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ระหว่างจีนตอนใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเป็นหลักฐานที่จับต้องได้สำหรับการจำลองสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ และระบบนิเวศโบราณขึ้นมาใหม่
(แฟ้มภาพซินหัว : รอยเท้าไดโนเสาร์ที่ค้นพบที่หมู่บ้านหนานมู่ซานในเมืองตงซิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน)