(แฟ้มภาพซินหัว : ประชาชนเลือกซื้อของที่ร้านค้าในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 11 พ.ค. 2022)
นิวยอร์ก, 7 พ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (6 พ.ค.) สำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ รายงานการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จนสูงเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.6 ล้านล้านบาท) ในเดือนมีนาคม โดยมูลค่าสินค้านำเข้าอยู่ที่ 3.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11.36 ล้านล้านบาท) ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนมกราคม
รายงานระบุว่าธุรกิจต่างๆ เร่งกักตุนสินค้าในเดือนมีนาคมก่อนมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลบังคับใช้ในเดือนถัดมา โดยเกือบทั้งหมดของสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้าที่เพิ่มขึ้น 2.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.37 แสนล้านบาท) ในเดือนมีนาคมเป็นสินค้าเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีศุลกากรในปัจจุบัน
เดอะวอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่าการเร่งนำเข้าสินค้าเช่นนี้อาจเกิดขึ้นเพยงระยะสั้นๆ โดยทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าทั้งหมดเมื่อวันที่ 2 เม.ย. และยกระดับสงครามการค้ากับจีน ทำให้การขนส่งสินค้าจากจีนชะลอตัวลงอย่างชัดเจน เนื่องจากสินค้านำเข้าจากจีนถูกจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมสูงถึงร้อยละ 145
แบรดลีย์ ซอนเดอร์ส นักเศรษฐศาสตร์จากแคปิตัล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) เผยว่าสถิตินี้สะท้อนกลยุทธ์การซื้อขายตัดหน้าและการขาดดุลการค้าจะลดลงในเดือนเมษายน ด้านนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนมองว่าธุรกิจต่างๆ ยังคงกักตุนสินค้าล่วงหน้าในเดือนเมษายน ขณะทรัมป์สั่งยกเว้น "ภาษีศุลกากรตอบโต้" ระยะ 90 วัน หรือจัดเก็บสูงขึ้นกับบางประเทศ
รายงานเสริมว่าการนำเข้าอุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ของยานยนต์เพิ่มขึ้นเช่นกัน