กัวลาลัมเปอร์, 7 เม.ย. (ซินหัว) -- เมื่อไม่นานนี้ วิลเลียม อึ้ง ประธานสมาคมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่าบรรดาสมาชิกอาเซียนจำเป็นต้องรวมพลังทางเศรษฐกิจเพื่อรับมืออุปสรรคทางการค้า ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเศรษฐกิจส่วนใหญ่ทั่วโลก
วิลเลียมกล่าวว่ามาตรการภาษีเหล่านี้มีแนวโน้มกระทบการส่งออกของมาเลเซียอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในหมวดสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์ม สินค้าผลิตจากยาง รวมถึงสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญในการค้าระหว่างมาเลเซียกับสหรัฐฯ
วิลเลียมอธิบายว่าการขึ้นภาษีจะทำให้ต้นทุนของทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสูงขึ้น ลดความสามารถในการแข่งขันของเราในตลาดสหรัฐฯ และตลาดอื่นๆ และอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการลงทุนในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยคาดว่าจะเกิดความไม่แน่นอนในระยะสั้น ขณะที่เศรษฐกิจทั่วทั้งภูมิภาคและเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อตอบโต้หรือบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษีชุดนี้
สำหรับผลกระทบภายในมาเลเซียนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับเล็กน้อยจนถึงปานกลาง โดยสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อาจมีราคาแพงขึ้นในระยะกลาง
วิลเลียมมองว่ามาตรการภาษีเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนสำหรับสมาชิกอาเซียน โดยมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนสมัยปัจจุบัน ควรผลักดันให้มีการเจรจาเรื่องการสร้างตลาดอาเซียนเดียวอีกครั้ง เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มศุลกากรในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งและลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีเพิ่มเติม พร้อมเสริมว่าความร่วมมือภายในภูมิภาคนี้มีความจำเป็น เนื่องจากตลาดแต่ละประเทศมีขนาดค่อนข้างเล็ก หากรวมกัน อาเซียนจะก้าวไปสู่การเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลกภายในปี 2030
วิลเลียมระบุว่าในระดับอาเซียน ความเร่งด่วนในการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีนั้นมีมากกว่าที่เคย การหารือเกี่ยวกับการสร้างตลาดอาเซียนเดียวต้องถูกหยิบยกขึ้นมาใหม่อีกครั้งทันที โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสหภาพศุลกากรที่จะเป็นประโยชน์ต่อเราทั้งในฐานะกลุ่มผู้ส่งออกและตลาดภูมิภาคขนาดใหญ่
อนึ่ง เมื่อวันพุธ (2 เม.ย.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีพื้นฐานร้อยละ 10 สำหรับสินค้านำเข้าจากคู่ค้าทั้งหมด พร้อมกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่านั้นสำหรับคู่ค้าบางราย โดยการตัดสินใจครั้งนี้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงจากนักเศรษฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญการค้า และรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งมองว่ามาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามที่ผิดพลาดในการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือเพื่อแก้ไขปัญหาการค้าที่ไม่สมดุลซึ่งมีความสลับซับซ้อน
(แฟ้มภาพซินหัว : โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงคำสั่งฝ่ายบริหาร "ภาษีศุลกากรตอบโต้" ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ วันที่ 2 เม.ย. 2025)
(แฟ้มภาพซินหัว : ป้าย "เลือกซื้อสินค้าแคนาดา" ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา วันที่ 4 มี.ค. 2025)
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้คนเดินผ่านร้านค้าลดราคาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย วันที่ 26 ธ.ค. 2022)