เม็กซิโกซิตี, 5 มี.ค. (ซินหัว) -- สมาพันธ์หอการค้า การบริการ และการท่องเที่ยวแห่งชาติเม็กซิโก เตือนว่าผู้บริโภคในสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะราคาสินค้าที่จำเป็น ตั้งแต่ยานยนต์จนถึงอาหาร ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจจัดเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 25 กับสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตั้งแต่วันอังคาร (4 มี.ค.)
สมาพันธ์ฯ ชี้ว่าสหรัฐฯ อาจมองว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 25 เป็นยุทธศาสตร์ปกป้องธุรกิจท้องถิ่นจากการแข่งขันกับต่างประเทศ แต่ในทางปฏิบัติกลับสร้างผลกระทบอันไม่พึงประสงค์ ทั้งยังขัดแย้งกับหลักการการค้าเสรีและข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) รวมถึงคุกคามเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด และสร้างความเสี่ยงแก่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของอเมริกาเหนือ
กลุ่มบริษัทสหรัฐที่พึ่งพาสินค้าจากเม็กซิโก เช่น บริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์และการผลิต จะต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำสู่การปรับขึ้นราคาสินค้าขั้นสุดท้ายและโยนภาระจากภาษีศุลกากรไปยังผู้บริโภค โดยมาตรการนี้ของสหรัฐฯ อาจเพิ่มแรงกดดันต่อกำลังซื้อของประชากรสหรัฐฯ ขณะเงินเฟ้อเป็นปัญหาใหญ่อยู่แล้ว กลายเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะขัดขวางการค้า ลดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และส่งผลกระทบต่อสวัสดิการของผู้บริโภค
(แฟ้มภาพซินหัว : ประชาชนในย่านไทม์สแควร์ นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 7 มี.ค. 2022)