(แฟ้มภาพซินหัว : ยานยนต์ไฟฟ้าเทสลา รุ่นโมเดล วาย จัดแสดงระหว่างงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 รอบสื่อมวลชนในจังหวัดนนทบุรี วันที่ 28 พ.ย. 2024)
นิวยอร์ก, 3 ม.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) สื่อสหรัฐฯ รายงานว่ายอดจำหน่ายรายปีทั่วโลกของเทสลา (Tesla) ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบอย่างน้อย 9 ปี โดยตัวเลขในไตรมาสสุดท้าย (ตุลาคม-ธันวาคม) ของปี 2024 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 ไม่เพียงพอที่จะพลิกกลับแนวโน้มการชะลอตัวจากช่วงต้นปีก่อน แม้มีการเสนอบริการสินเชื่อร้อยละ 0 การชาร์จไฟฟรี และสัญญาเช่าราคาต่ำ
รายงานระบุว่าบริษัทเทสลาในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ส่งมอบยานยนต์ช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม จำนวน 495,570 คัน ส่งผลให้ยอดการส่งมอบยานยนต์ตลอดทั้งปี 2024 แตะ 1.79 ล้านคัน แต่ตัวเลขข้างต้นต่ำกว่ายอดจำหน่าย 1.81 ล้านคันในปี 2023 อยู่ร้อยละ 1.1 ขณะที่ความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าโดยรวมในสหรัฐฯ และที่อื่นๆ ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ดี ยอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงในไตรมาสที่สี่มีราคาที่ต้องแลก โดยนักวิเคราะห์จากแฟกท์เซต (FactSet) คาดการณ์ว่าราคาจำหน่ายเฉลี่ยของเทสลาลดลงเหลือเพียงกว่า 41,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.41 ล้านบาท) ในไตรมาสดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบอย่างน้อย 4 ปี
"สิ่งนี้ไม่ใช่แนวโน้มที่ดีสำหรับรายได้ไตรมาสที่สี่ของเทสลา ซึ่งเทสลาระบุว่าจะประกาศในวันที่ 29 ม.ค. นี้" รายงานระบุ
เมื่อปี 2022 เทสลาคาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายยานยนต์ของบริษัทจะเติบโตร้อยละ 50 เกือบทุกปี แต่บริษัทกลับมีปัญหาการออกแบบรุ่นยานยนต์ที่ล้าสมัยและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในจีน ยุโรป และสหรัฐฯ โดยคณะนักวิเคราะห์ระบุว่ากลุ่มผู้ใช้งานเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ช่วงแรกในสหรัฐฯ นั้นส่วนใหญ่มียานยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว ขณะผู้ซื้อกระแสหลักส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับระยะวิ่ง ราคา และการต้องหาที่ตั้งของสถานีชาร์จระหว่างเดินทางไกล