สหประชาชาติ, 25 มิ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (24 มิ.ย.) ฟู่ชง ผู้แทนถาวรของจีนประจำสหประชาชาติ (UN) ซึ่งเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) กล่าวว่าสหรัฐฯ นั้นเริ่มต้นวิกฤตินิวเคลียร์อิหร่าน และสมาชิกคณะมนตรีฯ บางส่วนไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากกล่าวหาอิหร่านว่าละเมิดสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อพยายามหาความชอบธรรมให้ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลและสหรัฐฯ

ฟู่กล่าวว่าจีนอยากเตือนประเทศเหล่านั้นให้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงพื้นฐานว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสหรัฐฯ ที่เริ่มต้นวิกฤตนิวเคลียร์อิหร่าน โดยสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเพียงฝ่ายเดียวในปี 2018 ก่อนกลับเข้ามาและยกระดับการคว่ำบาตรอิหร่านเพียงฝ่ายเดียว รวมถึงดำเนินมาตรการ "กดดันขั้นสูงสุด" ซึ่งทำให้อิหร่านไม่ได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามข้อตกลง และบีบบังคับอิหร่านลดการปฏิบัติตามข้อผูกพันภายใต้ข้อตกลง

สหรัฐฯ ดำเนินการโจมตีฐานปฏิบัติการทางนิวเคลียร์ของอิหร่านหลายแห่ง ซึ่งบ่อนทำลายกระบวนการเจรจาที่สหรัฐฯ ริเริ่ม นำพาปัญหานิวเคลียร์อิหร่านสู่ทางตันอีกครั้ง ทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคตึงเครียดยิ่งขึ้นอย่างฉับพลัน ทั้งที่ควรให้คุณค่ากับความจริงใจของอิหร่านในการแก้ไขวิกฤตนิวเคลียร์ โดยอิหร่านยังคงปฏิบัติตามสนธิสัญญาฯ และข้อตกลงคุ้มครอง รวมถึงชี้แจงหลายครั้งว่าไม่ได้มุ่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

อิหร่านดำเนินการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างมืออาชีพและเป็นรูปธรรมหลายรอบ รวมถึงไม่เคยละทิ้งความพยายามทางการทูต แต่บางประเทศกลับผลักดันการรับรองมติของคณะกรรมการทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) อย่างปราศจากการปรึกษาหารือที่เพียงพอ โดยอ้างอิงรายงานของผู้อำนวยการใหญ่ทบวงฯ อย่างไม่ยุติธรรมและละเลยมุมมองเชิงบวกของความร่วมมือระหว่างอิหร่านกับทบวงฯ

นี่เป็นอันตรายต่อบรรยากาศการเจรจา เพิ่มความตึงเครียดและการปะทะคะคาน ซึ่งประเทศเหล่านั้นควรพินิจพิจารณาถึงผลพวงอันเลวร้ายจากการกระทำอันไร้ความรับผิดชอบของตนเอง

อิสราเอลและสหรัฐฯ พึ่งพาการใช้กำลังบีบบังคับอิหร่านด้วยข้ออ้าง "ภัยคุกคามในอนาคต" ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและอธิปไตยของอิหร่านอย่างร้ายแรง โดยการโจมตีฐานปฏิบัติการทางนิวเคลียร์ของอิหร่านที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของทบวงฯ นั้นเป็นตัวอย่างอันย่ำแย่ ซึ่งคุกคามระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ และจีนขอประณามการกระทำนี้อย่างชัดเจนอีกครั้ง

ฟู่เสริมว่าการกระทำข้างต้นยังบั่นทอนความพยายามทางการทูตในการแก้ไขปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน และก่อให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อมติที่ 2231 ของคณะมนตรีฯ ในระดับสูง ซึ่งจีนมีความกังวลอย่างยิ่ง