เยรูซาเล็ม, 4 มิ.ย. (ซินหัว) -- ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟซึ่งเผยมุมมองใหม่เกี่ยวกับการใช้ไฟอย่างมีกลยุทธ์ของสิ่งมีชีวิตยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่น โฮโม อีเร็กตัส (homo erectus) ระบุว่ามนุษย์ยุคแรกอาจเริ่มรมควันเนื้อสัตว์เพื่อถนอมอาหารตั้งแต่เมื่อ 1 ล้านปีก่อน
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารฟรอนท์เทียร์ส อิน นิวทริชัน (Frontiers in Nutrition) และสรุปไว้ในแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยฯ เมื่อวันอังคาร (3 มิ.ย.) บ่งชี้ว่าไฟไม่เพียงแต่ถูกใช้เพื่อให้ความอบอุ่นหรือให้แสงสว่างเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีป้องกันไม่ให้เนื้อสัตว์จำนวนมากเน่าเสียอีกด้วย
นักวิจัยตรวจสอบหลักฐานทางโบราณคดีจากแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ 9 แห่ง อายุระหว่าง 1.8 ล้านถึง 8 แสนปีก่อน ซึ่งรวมถึง 2 แห่งในอิสราเอล และที่เหลือในแอฟริกาและสเปน โดยแม้ว่าแหล่งโบราณคดีทั้งหมดจะมีร่องรอยของการใช้ไฟ แต่กลับไม่มีร่องรอยทั่วไปของการปรุงอาหาร เช่น กระดูกที่ถูกเผา ในทางกลับกัน แหล่งโบราณคดีเหล่านี้กลับมีซากสัตว์ขนาดใหญ่จำนวนมาก เช่น ช้าง ฮิปโปโปเตมัส และแรด
นักวิจัยเสนอว่ามนุษย์ยุคแรกใช้ไฟรมควันให้เนื้อแห้ง ซึ่งจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหารได้อย่างมาก ทว่าเมื่อพิจารณาจากความยากในการสร้างและดูแลไฟ ทีมวิจัยมองว่าการใช้ไฟน่าจะเกิดขึ้นเพียงครั้งคราวและใช้อย่างมีจุดประสงค์
การศึกษาระบุว่าเนื้อและไขมันจากช้างเพียงตัวเดียวสามารถเป็นอาหารมนุษย์นับสิบคนเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเก็บรักษาเนื้อสัตว์ใหญ่จำนวนมากเพื่อไม่ให้เน่าเสีย และป้องกันสัตว์กินซาก
ผลการวิจัยสนับสนุนสมมติฐานที่กว้างขึ้นว่าวิวัฒนาการและพฤติกรรมของมนุษย์ในยุคแรกเชื่อมโยงใกล้ชิดกับการพึ่งพาสัตว์ป่าขนาดใหญ่ และเมื่อขนาดของสัตว์ที่ตกเป็นเหยื่อลดลงตามกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อกลยุทธ์การล่า วิธีการกินอาหาร และความเชี่ยวชาญด้านการใช้ไฟในท้ายที่สุด
(แฟ้มภาพซินหัว : เจ้าหน้าที่จากองค์การโบราณวัตถุอิสราเอลทำงานที่แหล่งขุดค้นแห่งหนึ่งในหมู่บ้านมิกดัลใกล้เมืองทิเบเรียสของอิสราเอล วันที่ 13 ธ.ค. 2021)